ข่าว

"ทร."โชว์ศักยภาพชายแดน"ไทย-เขมร"

"ทร."โชว์ศักยภาพชายแดน"ไทย-เขมร"

23 ก.พ. 2554

"ทร."โชว์ศักยภาพขู่ซ้อมติดชายแดน"ไทย-กัมพูชา" พร้อมแสดงแสนยานุภาพฝึกยิงปืนใหญ่ป้องอธิปไตย แถมขน" เรือรบ-อาวุธ"นาๆชนิด ซ้อมกันเต็มพิกัด คนชายแดน จัดพิธี “เอิ้นขวัญ” บายศรีสู่ขวัญสร้างขวัญกำลังใจ หลังหวาดผวาจากเหตุปะทะไทย - กัมพูชา ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา

(23ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่จ.ชลบุรี พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน ในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2554 ที่สนามหน้ากองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นการฝึกที่กองทัพเรือจัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การประสานงานการปฏิบัติด้านการฝึกให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยการนำสาขาการปฏิบัติการต่าง ๆ ในส่วนกำลังรบ และการปฏิบัติ การสนับสนุนของกรมในส่วนบัญชาการ รวมทั้งส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษา มาทำการฝึกภายใต้สถานการณ์ฝึกห้วงเวลาเดียวกัน โดยเน้นไปที่การทดสอบแผนเผชิญเหตุที่กองทัพเรือได้อนุมัติไว้ เพื่อทดสอบขีดความสามารถของหน่วยต่าง ๆ ที่จัดกำลังไว้รองรับสถานการณ์อันจะเกิดได้ในปัจจุบัน หรือการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุได้ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมการฝึกทุกคนได้ “ ฝึกให้เหมือนจริงและปฏิบัติให้เหมือนฝึก ” เพื่อสร้างความมั่นใจ และมีความพร้อมในการเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2554 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.พ.- 29 เม.ย.นี้ แบ่งการฝึกเป็น 2 ส่วน คือ ฝึกปัญหาที่บังคับการ ฝึกระหว่างวันที่ 1 - 18 มีนาคม 2554 และ ส่วนของการฝึกภาคสนาม/ทะเล ทำการฝึกระหว่างวันที่ 21 ถึงวันที่ 28 เม.ย.นี้ โดยการฝึกภาคสนาม/ทะเลนั้น มีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ คือ การฝึกต่อต้านการก่อการร้ายบริเวณแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติ ใช้พื้นที่ฝึกบริเวณ แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท.สผ. จำกัด บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง จัดกำลังที่เข้าร่วมฝึก ประกอบด้วย เรือหลวงกันตัง เรือ ต.11 เครื่องบินลำเลียง แบบ F – 27 MK – 400  เครื่องบินลาดตระเวน ทางทะเลแบบ DO – 228 ( ดอร์เนีย) เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ S – 76 B  ชุดปฏิบัติการพิเศษจาก หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ชุดถอดทำลายอมภัณฑ์ ชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน การฝึกยุทธวิธีทางบก ใช้พื้นที่ฝึกบริเวณสนามฝึกยิงอาวุธกองทัพเรือ บ้านจันทเขลม และ บ้านพังงอน กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี   จัดกำลังที่เข้าร่วมการฝึกจาก   กรมทหารราบที่ 1     กองพลนาวิกโยธิน   

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการฝึกสาขาปฏิบัติการทางเรือ มีหัวข้อการฝึก คือ การฝึกการควบคุมทะเล การรักษาเส้นทางคมนาคมทางทะเล การปฏิบัติการร่วมระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งกับกำลังทางเรือ การปฏิบัติการตามลำน้ำ การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การฝึกป้องกันพื้นที่ของทัพเรือภาค การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี และการฝึกยิงปืนรักษาฝั่ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ใช้พื้นที่ฝึกทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน โดยมีกำลังที่เข้าร่วมการฝึก อาทิ เรือฟรีเกต ชุด เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และชุดเรือหลวงตาปี เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงสุโขทัย เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด เรือหลวงนราธิวาส เรือยกพลขึ้นบก ชุด เรือหลวงสีชัง เรือล่าทำลายทุ่นระเบิด ชุด เรือหลวงบางระจัน   เรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีชุด เรือหลวงราชฤทธิ์ และ ชุดเรือหลวงปราบปรปักษ์   เรือตรวจการณ์ปืน ชุด เรือหลวงสัตหีบ เรือเร็วโจมตีปืน ชุด เรือหลวงชลบุรี เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต. 991 และชุดเรือ ต. 91 เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ปืนใหญ่รักษาฝั่ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 37 มิลลิเมตร เครื่องบินลำเลียง แบบ F – 27 MK – 400  ( ฟอกเกอร์) เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบ DO – 228 ( ดอร์เนีย) เครื่องบินลาดตระเวนปราบเรือดำน้ำ แบบ P – 3  เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ แบบ S – 70 B  ( ซีฮอว์ค) เฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ต่อต้านเรือผิวน้ำ/ปราบเรือดำน้ำ แบบ SUPER LYNX 300  พร้อมกำลังพลจาก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ร.ต. ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และ พล.ท.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ผู้บัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก ก็ได้มาร่วมสังเกตการณ์ในการทดสอบยิงอาวุธต่อสู้อากาศยาน ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมกับกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ ส่วนกองทัพบกมี พล.อ.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะในการสังเกตการณ์ฝึก   ที่สนามฝึกยิงอาวุธหาดยาวทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ในการทดสอบอาวุธครั้งนี้เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยของชาติ

  สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทำการทดสอบจัดจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 23 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ ซึ่งมีอาวุธยุทโธปกรณ์ประกอบไปด้วย ปืนต่อสู้อากาศยาน 40 มิลลิเมตร แอล 70 จำนวน 4 กระบอก พร้อมเครื่องควบคุมการยิงฟลายแคทเชอร์ 2 ระบบ ปืนต่อสู้อากาศยาน 40/60 มิลลิเมตร จำนวน 3 กระบอก และอาวุธปล่อยวิถีแบบประทับบ่ายิง QW – 18 จำนวน 1 ชุดยิง หรือ 2 ท่อยิง ในส่วนกำลังของกองทัพบกที่ร่วมทดสอบจัดจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 กรมทหารต่อสู้อากาศยานที่ 1 กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน     หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก ซึ่งมีอาวุธยุทโธปกรณ์ประกอบด้วย ปืนต่อสู้อากาศยาน 40 มิลลิเมตร แอล 70 จำนวน 4 กระบอก พร้อมเครื่องควบคุมยิงฟลายแคทเชอร์ 2 ระบบ อาวุธ  นำวิถี IGLS – S จำนวน 2 ลูก และอาวุธนำวิถี NH – 5A ( M ) จำนวน 2 ลูก ในการทดสอบยิงอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งนี้ ทั้งสองกองทัพมีเขี้ยวเล็บใหม่มาทำการทดสอบด้วยคือ อาวุธนำวิถี IGLA – S ของกองทัพบก และอาวุธนำวิถีแบบประทับบ่ายิง QW – 18 ของ กองทัพเรือ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฝึกประจำปีของกองทัพเรือครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่การฝึกจะอยู่ในพื้นที่จ.จันทบุรี และจ.ตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนทางบกและทางทะเลที่ติดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา

ศรีสะเกษจัดพิธี“เอิ้นขวัญ”คนภูมิซรอล

       เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลาประชาคมบ้านภูมิซรอล  หมู่ 2  ต.เสาธงชัย  อ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ นายสมศักดิ์    สุวรรณสุจริต  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร  ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์  เพื่อความเป็นสิริมงคล  พร้อมกับประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา  เพื่อเป็นการเรียกขวัญและสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน  โดยมี พล.ต.ชวลิต   ชุนประสาน  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี  นายชาญนะ  เอี่ยมแสง  และนายวินัย  สิทธิมณฑล  รองผู้ว่าราชการจังหวัด  เข้าร่วมในพิธี  มีประชาชนจาก 4 ตำบลที่อยู่ตามแนวชายแดน  เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

            ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้นำจดหมายที่ตัดเป็นรูปหัวใจ ที่ถูกส่งมาจากชาวกรุงเทพฯ โดยมีเนื้อหาว่า “ ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทย ที่อยู่ชายแดนติดประเทศกัมพูชา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบ”  จากนั้นทางผู้ว่าราชการได้มอบจดหมายต่อให้กับนายวีระยุทธ  ดวงแก้ว  กำนันตำบลเสาธงชัย  เพื่อเก็บไว้ให้ชาวบ้านได้อ่านเพื่อเป็นกำลังใจต่อไป

         พล.ต. ชวลิต   ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเด็กนักเรียนเนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ  อยากให้เด็กนักเรียนได้ไปโรงเรียนกันตามปกติ เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนกรณีกระแสข่าวลือต่างๆในพื้นที่ ก็อยากให้ประชาชนสอบถามกับเจ้าหน้าที่ทหารโดยตรงหรือสอบถามได้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ไม่อยากที่จะให้วิตกต่อกระแสข่าวลือในพื้นที่ ที่อาจจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก

มท.สั่งผู้ว่าฯศรีสะเกษ - สุรินทร์เยียวยาเหยื่อ

 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวเป็นประธานในการประชุมกระทรวงมหาดไทยประจำเดือน ร่วมกับข้าราชการระดับสูง ที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบคอนเฟอเร็นซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ว่า   ตนขอฝากให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอติดตามเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หรือพื้นที่การเกษตรที่ถูกไฟไหม้ ขอให้เร่งสำรวจความเสียหาย และเยียวยาให้ความช่วยเหลือให้ครบถ้วนทุกรายตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้

 นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ขณะนี้เหตุการณ์จะเป็นปกติ แต่ขอให้ผู้ว่าฯศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ จันทบุรี สระแก้ว และจังหวัดตราด นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ( อปท.) พยายามสร้างความเข้าใจในพื้นที่ อย่าให้ประชาชนตื่นตระหนกกับข่าวลือ ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น   และรักษาความสัมพันธ์ในระดับประชาชนไว้ อย่าให้ความขัดแย้งลุกลามมากขึ้นไปกว่าเดิม จนเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ขอฝากให้จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านทุกจังหวัดให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ โดยสนับสนุนให้หมู่บ้าน ชุมชนตามแนวชายแดนติดต่อค้าขายและทำกิจกรรมด้านวัฒนธรรมประเพณี ร่วมกับท้องถิ่นของประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง

 จากนั้น นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯศรีสะเกษ   กล่าวรายงานว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา จากการที่มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมอบให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต ส่วนบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ 7 หลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และนายชวรัตน์ได้มอบเงินบริจาคก่อสร้างบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างภายใน 47 วัน ซึ่งทางสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นผู้ออกแบบ เจ้าของบ้านทั้ง 7 หลังยินดีให้ก่อสร้าง ใช้งบประมาณ 525,000 บาท ต่อหลัง จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มี.ค. 54 นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าอยู่ได้ก่อนวันที่ 29 มี.ค. นี้

 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) ได้จ่ายเงินค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะระหว่างไทย - กัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของโรงเรียนภูมิซรอล อาคารบ้านเรือนเสียหายบางส่วนทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้เร่งอนุมัติเงินซ่อมแซมต่อไป ด้านการดูแลเยียวยาได้ใช้เงินบริจาคที่ประชาชนบริจาคผ่านส่วนต่างๆ ได้นำไปให้ประชาชนเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นจำนวน 8 แสนบาท ซึ่งตนคิดว่าการเยียวยาเป็นที่น่าพอใจต่อประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน

 ด้านนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าฯสุรินทร์ กล่าวว่า   หลังจากมีการปะทะ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากทหารกัมพูชานำกำลังประชิดแนวชายแดนบริเวณ อ.กาบเชิง บริเวณบ้านช่องจอม - บ้านช่องกาบ และในบริเวณ อ.พนมดงรัก ซึ่งขณะนี้ประชาชนกล้าเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์สงบ และในบางพื้นที่ทางจังหวัดจะได้ประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน แต่ประชาชนได้ร้องขอให้มีหลุมหลบภัย บริเวณ อ.กาบเชิง 131 แห่ง และ อ.พนมดงรัก จำนวน 31 แห่ง ซึ่งมองว่าเป็นเหตุจำเป็นที่ต้องมีหลุมหลบภัยไว้ เนื่องจากเตรียมการเอาไว้ทำให้ประชาชนอุ่นใจ  

พธม.ต้านแถลงการณ์อาเซียน

 ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ   เวลา 10 . 00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวคัดค้านแถลงการณ์อาเซียนจากการประชุมรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศอาเซียน เมื่อวันที่ 22 ก.พ.นี้ เนื่องจากเป็นแถลงการณ์ที่ไม่มีการกล่าวถึงการที่กัมพูชา รุกล้ำดินแดนไทย ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด MOU 2540 ทั้งนี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อาเซียน แต่เป็นรัฐบาลที่ไม่ดำเนินการตามข้อเสนอพธม.โดยพยายามกอด MOU 2543 ไว้ ตนเชื่อว่าเมื่อ MOU 43 บวกกับคำพิพากษาจากศาลโลก ไทยจะต้องจำนนต่อแผนที่ 1 ต่อสองแสน กัมพูชาจะรุกล้ำแดนไทยอย่างถาวร ขณะนี้สถานการณ์ถลำลึกแล้ว ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ไขได้ 

วธ.สานสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจัดมหกรรมศิลปะ

  นายนิพิฏฐ์   อินทรสมบัติ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวการจัดงานงานมหกรรมศิลปะการแสดงชั้นเยี่ยมของอาเซียน (The Best of ASEAN Performances) ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554ว่า ตามแนวคิดของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน อยากให้งานครั้งนี้เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ นอกจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ยังขอร่วมมือไปยังประเทศคู่เจรจาอีก 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น จัดนำกิจกรรม การแสดงทางชาติพันธุ์เน้นความหลากหลายมาเข้าร่วมกิจกรรม ขณะนี้ตนยังไม่ได้มีหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ แต่เบื้องต้นได้หารือแบบไม่เป็นทางการกับหลายประเทศ ซึ่งยินดีส่งการแสดงเข้าร่วมแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี โดยเฉพาะทางประเทศกัมพูชา ตนได้เดินทางไปร่วมโครงการใช้มิติทางวัฒนธรรมและศาสนาเป็นสื่อในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา ช่างกลางเดือนธันวาคม 2553 นั้นได้หารือกับนายคิม ซารึ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะ ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางกัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือ

 นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ จะเดินทางไปร่วมงานค่ายเยาวชนอาเซียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามร่วมมือกับสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ซึ่งได้คัดเลือกตัวแทนเยาวชน 4 ประเทศในสมาชิกอาเซียน ประกอบด้วย ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนามรวมประมาณ 100 คน เพื่อทำให้เด็กๆเรียนรู้กระบวนการใช้มิติวัฒนธรรมนำไปสู่ความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยเฉพาะกิจกรรมที่ส่งเสริมวรรณกรรมท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รวมทั้งการแสดงของอาเซียนทั้งหมด ซึ่งวัฒนธรรมอาเซียน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม กลุ่มวัฒนธรรมอินโด-มาเลย์ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน และสิงคโปร์ และกลุ่มวัฒนธรรมฟิลิปปินส์ โดยเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เข้ามาศึกษาในประเทศไทย ตนคาดหวังว่ากิจกรรมนี้เด็กๆจะได้เรียนรู้ว่าแท้จริงเรามีวัฒนธรรมเดียวกัน

 “เขตวัฒนธรรมเกิดก่อนการรวมตัวเป็นประเทศ แท้จริงเราเป็นกลุ่มประเทศที่มีวัฒนธรรมเดียวกัน ส่วนใหญ่รับอิทธิพลจากจีนและอินเดีย เช่น ท่ารำต่างๆ วรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ หลายประเทศมีลักษณ์คล้ายกัน เราจะลดความเป็นเจ้าของหรือแบ่งแยกว่าเป็นของใคร แต่เราอาเซียนจะเป็นเจ้าของร่วมกัน สร้างจิตสำนึกอาเซียน เรื่องนี้อาจจะมีผลต่อการเรียนการสอนในเชิงประวัติศาสตร์อาเซียนด้วย ส่วนกระทรวงวัฒนธรรมจะทำหน้าที่สร้างพื้นที่การเรียนรู้วัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น”ปลัด วธ. กล่าว

กษิตเล็งถกประวิตรทหารอินโดฯเฝ้าพื้นที่พิพาท  

 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเดินทางกลับมาจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ที่กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ถึงความพึงพอใจต่อมติที่ประชุมดังกล่าวซึ่งสนับสนุนให้มีการเจรจากรอบทวิภาคีภายใต้การดูแลของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ว่า ก็คงพึงพอใจสำหรับฝ่ายไทย กัมพูชา และโดยเฉพาะอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนที่เหลือด้วย ที่ไทยและกัมพูชาสามารถตกลงกันเรื่องการหยุดยิงได้ รวมทั้งเรื่องที่ว่าให้ทางอินโดนีเซียส่งคณะผู้ตรวจการณ์ทางทหารเข้ามาสังเกตการณ์การหยุดยิงในบริเวณที่ได้มีการปะทะกัน ตลอดจนการให้มีการเจรจากันผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา และการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งทุกฝ่ายมีความสบายใจ และพึงพอใจที่ทั้งไทยและกัมพูชาต้องการแก้ปัญหาผ่านสันติวิธี รวมทั้งตระหนักถึงความสำคัญของอาเซียน ตลอดจนความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้อาเซียนไปสู่เป้าหมายของการเป็นประชาคมในอีก 4 ปีข้างหน้า

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการตอบรับจากฝ่ายกัมพูชาถึงการร่วมเจรจาทวิภาคีกับไทยนั้น นายกษิต กล่าวว่า ถ้อยแถลงของประธานอาเซียนได้กล่าวไปแล้ว จึงถือว่าได้ตอบรับแล้ว ส่วนกำหนดวัน ยังต้องเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกัน โดยต้องการให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องกรณีที่ทางการกัมพูชาจะผลักดันปมพิพาทเข้าสู่กระบวนการศาลโลกนั้น นายกษิต ตอบว่า ไม่ทราบ แต่ในที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนก็ได้กล่าวไว้ชัดเจนแล้วในถ้อยแถลงของนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องการให้การเจรจาในกรอบทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาเดินหน้า

 นายกษิต กล่าวอีกว่า ตนจะเดินทางไปหารือร่วมกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ ว่า จะต้อนรับคณะผู้ตรวจการณ์ทางทหาร 15 ท่านจากอินโดนีเซียอย่างไร ขณะเดียวกันทางรมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซียจะมีหนังสือมาถึงทางการไทยเพื่อเสนอรูปแบบคร่าวๆของการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ก่อน "ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คงจะต้องดึงมาจากประสบการณ์ที่ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ได้เคยส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปประจำที่จังหวัดอะเจะห์ของอินโดนีเซีย และที่ติมอร์ตะวันออก ซึ่งประสบการณ์ของทั้งสองฝ่ายมีอยู่ เรื่องรายละเอียดจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา" นายกษิต กล่าว

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเรียกร้องค่าเสียหายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบบริเวณบ้านภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายกษิต กล่าวว่า อันนั้นเป็นอีกเรื่อง ซึ่งทางรัฐบาลไทยพร้อมจะดำเนินการรับผิดชอบก่อน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแล้วว่าจะเข้าไปดูแล โดยทางกระทรวงมหาดไทย และการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เข้าไปดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องการฟ้องศาลโลกเรียกค่าเสียหายจากกัมพูชาของกำนันตำบลเสาธงไชยและชาวบ้านในพื้นที่นั้น นายกษิต กล่าวว่า ไม่ทราบ และไม่มี ชาวบ้านฟ้องศาลโลกเองไม่ได้ "และถ้าเผื่อรัฐบาลไทยได้ทำการเยียวยาอย่างเต็มที่แล้วก็ต้องดูว่าแค่นั้นเป็นที่พึงพอใจหรือไม่ " 

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า การส่งคณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียเข้ามาประจำอยู่ในฝั่งไทย และกัมพูชาฝั่งละ 15 คน นั้นเป็นการแทรกแซง นายกษิต กล่าวว่า ไม่ใช่แทรกแซง ทำไมถึงไปเรียกว่าการแทรกแซง เพราะเป็นการเข้ามาช่วยรักษาสันติภาพเพื่อให้การหยุดยิงมันมีผลอย่างจริงๆจังๆ "คือพยายามอย่าถามอะไรที่จะทำให้เกิดไอ้ประเด็นปัญหาในการตอบ หรือในการชี้แจง ช่วยกันถามแล้วช่วยกันให้ข่าวที่เสริมสร้างความสร้างสรรค์ความเข้าใจกัน และเราก็ต้องดีใจที่ว่าทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้มาเป็นประธานแล้ว ก็ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะตกลงกันได้แล้ว ก็เพื่อความยั่งยืนของความสัมพันธ์สองประเทศและความเจริญของอาเซียน อย่าถามอะไรที่มันไม่สบายใจดีกว่า" นายกษิตกล่าวทิ้งท้าย พร้อมกับรีบเดินไปขึ้นรถทันที