ธอส.รุกปล่อยกู้กลุ่มอาชีพอิสระชี้แบงก์พาณิชย์ให้กู้ยาก-ตีกรอบรายได้1-3หมื่น | คมชัดลึก

 นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ ธอส.จะเปิดตัวโครงการสินเชื่อบ้านสำหรับกลุ่มที่มีอาชีพอิสระและมีรายได้ตั้งแต่ 1-3 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ธนาคารต้องเร่งขยายฐานลูกค้า เนื่องจากพบว่าคนกลุ่มนี้ยังไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ง่ายนัก เพราะไม่มีรายได้ประจำ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธเงินกู้ปีละเป็นพันล้านบาท

 “จากการหารือกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ เช่น พฤกษา แอล.พี.เอ็น. และลุมพินี พบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีรายได้ 1-3 หมื่นบาท แต่ทำอาชีพอิสระ เช่น ค้าขาย พอยื่นขอกู้ก็มักจะมีปัญหา ธอส.เห็นว่าเป็นช่องทางที่สามารถเข้าไปเจาะกลุ่มนี้ได้ เพราะหากไม่ปรับตัวเร่งหาลูกค้ากลุ่มใหม่ก็จะสู้แบงก์อื่นไม่ได้ จึงจะจับมือกับโครงการอสังหาฯ ท็อปไฟว์ ให้คัดลูกค้าที่เห็นว่ามีศักยภาพมาให้ และอาจมีเงื่อนไขต้องซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น" นายวรวิทย์กล่าวและว่า ส่วนอัตราดอกเบี้ยไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมากเหมือนกลุ่มอาชีพอิสระที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทที่ออกแคมเปญไปก่อนหน้านี้ โดยแคมเปญสินเชื่อใหม่นี้น่าจะเปิดตัวได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

 ส่วนการปล่อยกู้ให้กลุ่มอาชีพอิสระรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นขอกู้ 700-800 ราย อนุมัติไปแล้วประมาณ 100 ราย วงเงิน 30 ล้านบาท เฉลี่ยขอกู้รายละ 4 แสนบาท โดยอาจจะใช้เวลาพิจารณานานกว่าปกติเนื่องจากต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มข้นว่ามีรายได้และประกอบอาชีพจริง

 นอกจากการเร่งขยายลูกค้าใหม่แล้วปีนี้ ธอส.ยังให้ความสำคัญกับการรักษาฐานลูกค้าเดิมด้วย เนื่องจากพบว่าปีที่ผ่านมา มีลูกค้ามาขอรีไฟแนนซ์ถึงหมื่นล้านบาท หรือสาขาละประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่สูงจากการแข่งขันด้านดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของระบบสถาบันการเงิน อีกทั้งหากลูกค้าจะขอกู้ใหม่จากธอส. จะต้องคิดอัตราดอกเบี้ยต่างจากสินเชื่อที่เหลืออยู่เดิม ขณะที่แบงก์อื่นสามารถกู้ใหม่มารีไฟแนนซ์ของเก่าได้ในเงื่อนไขใหม่ที่ดอกเบี้ยถูกลง ทำให้ลูกค้าหันไปหาแบงก์อื่น

 อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ธอส. ตั้งเป้าจะดึงลูกค้าเดิมไว้ให้ได้ 50% ซึ่งตั้งแต่ต้นปีเริ่มดำเนินการมาบ้างแล้ว โดยสามารถดึงลูกค้าไว้ได้ 5-6 คน จากที่มาขอรีไฟแนนซ์ 10 คน โดยธอส.จะเสนอเงื่อนไขที่ลูกค้าพอใจมากขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ยให้หากเห็นว่ารักษาประวัติการชำระหนี้ดีมาตลอด แต่จะพิจารณาให้เป็นรายๆ ไป เพราะหากทำเป็นโครงการทั่วไปอาจจะมีลูกค้าเดิมแห่มาขอเข้าโครงการทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดปัญหากับธนาคารได้