ข่าว

ดีเอสไอออกตรวจ2โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม

ดีเอสไอออกตรวจ2โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม

21 ก.พ. 2554

ดีเอสไอออกตรวจ 2 โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม จี้ถามที่มาการจัดสรรโควตาให้ 10 โรงงาน และนโยบายสำรองการผลิตและกันคืนล็อตสั่งนำเข้า ขณะที่เอกชนยันไม่เคยกักตุน ผลิตเต็มตามโควต้า “ชวน”แนะประชาชนกินอาหารต้ม-นึ่ง

(21ก.พ.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท. สุริยา สิงหกมล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พร้อมพนักงานสอบสวนดีเอสไอและเจ้าพนักงานพาณิชย์จังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบเอกสารการผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มของบริษัทสุขสมบูรณ์ น้ำมันปาล์มจำกัด เลขที่ 97 ม. 4 ต.ห้างสูง อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ผู้ผลิตน้ำมันทับทิม ไชโย และโบนัส โดยมีนาย ศุภชัย จินตนาเลิศ ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทสุขสมบูรณ์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซีย เพื่อผลิตเป็นน้ำมันปาล์มจุกฟ้า ราคาควบคุมลิตรละ 47 บาท พร้อมนำเอกสารการเปิด L/C และสัญญาที่บริษัททำการองค์การคลังสินค้า(อคส.) มอบให้ดีเอสไอตรวจสอบ ทั้งนี้ดีเอสไอเน้นสอบถามประเด็นที่บริษัท สุขสมบูรณ์ ซึ่งได้รับโควตาผลิตน้ำมันปาล์ม 1,200 ตัน และยังขอปันส่วนน้ำมันปาล์มจากบริษัทอื่นอีกแห่งละ 100-200 ตัน จากบริษัทมรกต อินดัสตรีส์ บริษัทล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน บริษัทพืชปทุมจำกัด บริษัทชุมพรปาล์ม และบริษัทเหล่าธงสิงห์ รวมโควต้าทั้งสิ้น 1,800 ตัน รวมถึงประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดนโยบายด้านการบริหารจัดการให้ผู้ผลิตสำรองวัตถุดิบเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มในราคาควบคุมแล้วให้กันคืนน้ำมันปาล์มจากโควต้า 30,000 ตัน

 นายศุภชัยชี้ แจงว่า บริษัทผลิตสินค้า 3 ยี่ห้อ โดยน้ำมันทับทิมส่งจำหน่ายให้ห้างโมเดิร์นเทรด และยี่ปั๊ว นำมันไชโยส่งจำหน่ายให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ส่วนน้ำมันโบนัสจะผลิตบรรจุปี๊บส่งจำหน่ายให้ห้างแมคโครแห่งเดียว ทั้งนี้บริษัทของตนเปิดเป็นโรงหีบน้ำมันปาล์มมากว่า 10 ปี ต่อมาได้ขยายกิจการเปิดโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาแล้วกว่า 3 ปี มีกำลังการผลิตวันละ 300 ตัน บรรจุขวดได้ 120,000 ขวดต่อวัน โดยในช่วงที่ตลาดขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค กรมการค้าภายในได้เรียกประชุมขอความร่วมมือผู้ผลิตให้นำวัตถุดิบของตัวเองออกมาผลิตเป็นน้ำมันบรรจุขวดเพื่อส่งจำหน่ายก่อนเทศกาลตรุษจีน โดยบริษัทได้สำรองวัตถุดิบให้ประมาณ 500 - 600 ตัน และส่งน้ำมันทับทิมให้ห้างคาร์ฟูร์จัดจำหน่ายในวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยขายในราคาควบคุมลิตรละ 47 บาท ทั้งที่ขณะนั้นราคาน้ำมันปาล์มในตลาดสูงถึงลิตรละ 70 บาท หากไม่ได้รับการร้องและขอสัญญาจะคืนโควต้าน้ำมันที่สั่งนำเข้าจากประเทศมาเลเซียให้ก็คงไม่มีเอกชนรายใดยอมขาดทุน นำของแพงมาขายถูก เพราะสามารถผลิตและจำหน่ายให้ภาคอุตสาหกรรมในราคาที่สูงกว่าราคาควบคุมได้

 “การสำรองวัตถุดิบเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มราคาควบคุมให้ตลาดนั้น ในช่วงแรกกรมการค้าภายในไม่ได้กำหนดให้เป็นจุกฟ้า ทำให้บริษัทต่างๆผลิตไปตามบรรจุภัณฑ์ที่มีอยู่ แต่สามารถตรวจสอบปริมาณการผลิตได้จากตัวเลขที่บริษัทรายงานต่อกรมการค้าภายใน ส่วนน้ำมันที่ได้รับโควตามาสามารถผลิตได้ 1,300,000 ขวด ซึ่งผลิตครบจำนวนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ” นายศุภชัยกล่าว

 ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารการนำเข้าและการผลิตน้ำมันของบริษัทสุขสมบูรณ์ไม่พบความผิดปกติ และไม่พบว่ามีน้ำมันหลงเหลืออยู่ในถังเก็บของโรงงาน หลังจากนี้ดีเอสไอจะต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดและนำไปวิเคราะห์หลักฐานทางการบัญชีและภาษีอากร อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นการสำรองวัตถุดิบล่วงหน้าและการกันคืนจากโควตานำเข้า 30,000 ตัน ยังเป็นประเด็นที่ดีเอสไอยังติดใจสงสัยเรื่องการหักคืนว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งยังต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากกระทรวงพาณิชย์

 ในวันเดียวกันดีเอสไอได้แยกชุดพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบการผลิตน้ำมันปาล์มของบริษัทน้ำมันพืชปทุม จำกัด จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันยี่ห้อเกสร และดอกไม้ ได้รับการจัดสรรโควตาให้ผลิตน้ำมันปาล์มล็อตที่สั่งซื้อจากประเทศมาเลเซียมากที่สุด คือ 6,000 ตัน โดยมีนาย ต้นพงศ์ ตริยานนท์ ผู้จัดการบริษัท ให้ข้อมูลและนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการผลิต พร้อมยืนยันว่าโรงงานแห่งนี้ไม่ได้กักตุนน้ำมันเพื่อเก็งกำไร ได้รับโควตาผลิตน้ำมัน 6,000 ตัน แต่ได้ปันส่วนโควตาไปให้บริษัทสุขสมบูรณ์ จำกัด 100 ตัน โดยโควต้าที่ได้รับสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มได้จำนวน 4 ล้านลิตร ที่ผ่านมาได้ผลิตน้ำมันเต็มกำลังการผลิตเฉลี่ยวันละ 200,000 ลิตร ได้กระจายน้ำมันออกสู่ตลาดไปแล้ว 60 - 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสาเหตุของการขาดแคลนน้ำมันปาล์มเกิดจากภัยธรรมชาติภายในประเทศไม่ใช่การกักตุนสินค้า

คนภูเก็ตยังสนใจซื้อน้ำมันปาล์มฝาสีฟ้า

 จากกรณีที่น้ำมันปาล์มขาดตลาด และกระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดสรรโควต้าให้สำนักงานการค้าภายในแต่ละจังหวัดดำเนินการมาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาขวดละ 47 บาท และให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 2 ขวด ปรากฏว่ายังคงได้รับความสนใจจากประชาชนมาซื้อเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพบว่ามีผู้มาซื้อซ้ำเพื่อให้ได้จำนวนน้ำมันมากขึ้น  เนื่องจากโค้วต้า 2 ขวด ไม่เพียงพอในการนำไปใช้ ทั้งนี้น้ำมันปาล์มที่นำมาจำหน่ายมีจำนวน 260 ลัง โดยเป็นน้ำมันบรรจุขวดจำนวน 200 ลัง ลังละ 12 ขวด ขวดละ 1 ลิตร และแบบบรรจุถุงๆละ 1 ลิตร จำนวน 60 ลัง

 นางสาวศุภัชชา บุญผลิต รักษาการหัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบพบว่าประชาชนยังคงมีการเข้าซื้อน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมากจะเป็นกลุ่มของพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร เนื่องจากต้องการน้ำมันปริมาณมาก ส่วนของประชาชนทั่วไปมีปัญหาค่อนข้างน้อย เพราะยังมีทางเลือกในการใช้น้ำมันประเภทอื่นๆ

 อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดภูเก็ตมีโควตาน้ำมันฝาสีฟ้าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อได้รับแล้วก็จะจะกระจายออกไปยังพื้นที่นอกตัวเมืองทั้ง อ.ถลางและกระทู้ นอกจากนี้ยังได้แบ่งบางส่วนให้กับทางห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น   ซึ่งจะทำให้เกิดการกระจายสินค้าได้ทั่วถึงมากขึ้น

นครราชสีมาของขยับราคาสูงหลังน้ำมันปาล์มขาดตลาด

 ตลาดสดต่างๆภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ไม่มีน้ำมันปาล์มบรรจุขวดวางขาย มีเพียงน้ำมันปาล์มชนิดบรรจุถุง แต่ก็ขยับราคาสูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ปัจจุบันกิโลกรัมละ 60 - 65 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 30 บาท  ประชาชนบางส่วนหัวไปใช้น้ำมันไก่แทน ซึ่งก็มีการปรับราคาสูงขึ้นเช่นกัน จากกิโลกรัมละ 25-30 บาท เป็นกิโลกรัมละ 45 บาท

 นางพัชรินทร์ ศรีชูเปี่ยม แม่ค้าร้านข้าวมันไก่ ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มที่จำเป็นต้องใช้เป็นส่วนประกอบปรุงข้าวมันไก่ ซึ่งต้องใช้วันละประมาณ 5 - 6 กิโลกรัม ปรับตัวสูงขึ้น หาซื้อยาก จึงหันไปซื้อน้ำมันไก่แทน ซึ่งเดิมที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน น้ำมันไก่ยังมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท แต่มาถึงวันนี้ราคาน้ำมันไก่กลับแพงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันไก่สูงถึง 45 บาท ต่อกิโลกรัมแล้ว จึงอยากวอนให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

 นายสุเทพ เสมามร พ่อค้าร้านข้าวราดแกง ภายในโรงเรียนสุรนารีวิทยา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า จากผลกระทบน้ำมันปาล์มแพงและหาซื้อยาก จึงปรับตัวด้วยการทำเมนูทอดน้อยลง ลดจำนวนไข่ดาว ไปทำไข่ต้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อยากให้นายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน และให้เคลียร์ข่าวที่มีนักการเมืองเป็นตัวการในการกักตุนน้ำมันปาล์มเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพรรคพวกด้วย

 น.ส.พัตถาภรณ์  ไชยยานุพงศ์     การค้าภายในจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ น้ำมันปาล์มธงฟ้า(ฝาขวดสีฟ้า)จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  จำนวนประมาณ 1 หมื่น 2 พันขวด จะส่งถึงจ.นครราชสีมาเพื่อกระจายให้กับประชาชนที่เดือดร้อนใน 32 อำเภอ  แต่จำนวนที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้การตรวจสต๊อกน้ำมันปาล์มในพื้นที่นครราชสีมา ยังไม่พบว่ามีการกักตุนแต่อย่างใด

“ชวน”แนะประชาชนกินอาหารต้ม-นึ่ง

 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤตน้ำมันปาล์ม ว่า ตนเห็นใจรัฐบาลที่ขณะนี้ทราบว่าได้พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้หน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ให้คำแนะนำกับประชาชนต่อกรณีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค อาทิ จากเดิมที่รับประทานอาหารทอด เปลี่ยนมาเป็นอาหารต้ม หรือ นึ่ง ซึ่งตนมองว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย เพราะอาหารต้ม หรืออาหารนึ่งไม่มีคอเรสเตอรอลสูง

         “ผมได้พูดคุยกับชาวบ้าน และพรรคพวกในพื้นที่ภาคใต้ ถึงเรื่องปัญหาราคาน้ำมัน เขาก็บอกว่าจะหันมากินอาหารนึ่ง หรือ ต้มแทน แต่กลุ่มผู้ค้าของทอด เช่น กล้วยทอด คงทำได้ยาก แต่หากผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปกินอาหารต้ม หรือ นึ่ง ผมเห็นใจนะคนที่เข้าคิวซื้อน้ำมัน อีกอย่างผมเชื่อว่าปัญหานี้ไม่นานจะคลี่คลายได้ เพราะผลผลิตของต้นปาล์มของเกษตรกรเตรียมออกสู่ตลาดแล้ว” นายชวน กล่าว

 เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าปัญหาวิกฤตน้ำมันปาล์มมีนักการเมืองอักษร “ส.” มีส่วนทุจริตเรื่องสต๊อกน้ำมัน นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องประณาม และต้องเอาผิดทางกฎหมายนักการเมืองที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อักษรย่อใดๆ ก็ตาม

 เมื่อถามว่ามีชื่อของนายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์ด้วย นายชวน กล่าวว่า “ให้ท่านไปจัดการเอง”

ส.ว. จี้รัฐบาลเร่งหาตัวไอ้โม่งกักตุนน้ำมันปาล์ม 

 ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา   ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.สุมน สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี หารือถึงกรณีปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์ม ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีความอุดมสมบรูณ์ทางการเกษตรจนคิดว่าจะเป็นครัวของโลกแต่วันนี้เกิดเรื่องที่ไม่น่าจะเกิด คือคนไทยทั้งประเทศต้องเข้าคิวซื้อน้ำมันไปบริโภคสักขวด การซื้อต้องจำกัด มิหนำซ้ำราคายังแพงทั้งที่ควรคุมราคา คำถามคือน้ำมันปาล์มหายไปไหนในท้องตลาด ใครเป็นผู้ทำให้น้ำมันปาล์มหายไปไม่มีใครสามารถตอบได้ จนรัฐบาลต้องไปพึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งไม่ถนัดในการทำงานด้านนี้ จึงเป็นเรื่องเศร้าที่ต้องให้กรมที่ทำงานสำคัญต้องไปทำเรื่องที่ไม่ใช่งานถนัด ต้องไปสำรวจตรวจสอบการกักตุนน้ำมัน และทำได้ไม่ดีเพราะหาคนกักตุนน้ำมันไม่ได้ จึงฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า ถ้ายังหาตัวไอ้โม่งที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำมันปาล์มไม่ได้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจะเสียหายแน่นอน

 ขณะที่นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหาร ทำไมน้ำมันปาล์มขาดแคลน ไม่รู้หายไปไหน ที่ผ่านมาการกำหนดราคาน้ำมันปาล์มไม่สะท้อนสภาวะตลาด ทำให้เกิดการกักตุนทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและผู้นำเข้า การนำเข้าที่รัฐบาลจะแก้ปัญหายังไม่สามารถทำได้ รัฐบาลควรทราบว่าปัญหาเกิดจากอะไร หรือจะรอให้มีการแบ่งปันน้ำมันปาล์มก่อนจึงจะแก้ไขปัญหา ขอให้การกำหนดราคาน้ำมันปาล์มสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องราคาและการกักตุน นับประสาอะไรกับประเทศที่ผลิตน้ำมันปาล์มแต่ปล่อยให้น้ำมันขาดตลาดหากเป็นเช่นนี้รัฐบาลจะไปแก้ไขปัญหาอะไรได้

ส.ว.ขอนแก่นติงรัฐบาลปัญหาน้ำมันปาล์มแพง

 นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธุ์ ส.ว.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เปิดเผยว่า เป็นห่วงประชาชนทั่วประเทศที่ต้องบริโภคน้ำมันปาล์มแพง และยังขาดตลาด ซึ่งคล้ายกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสมัย 2 จอมพล กับ 1 พันเอก บริหารประเทศ ที่เกิดข้าวสารแพงและขาดตลาด ทั้งที่ประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกข้าวของโลก โดยพันเอกคนดังกล่าวคาดโทษว่าพ่อค้าคนใดกักตุนข้าวจะถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรง แต่วิกฤตครั้งนั้นทำให้ประชาชนต้องนำทะเบียนบ้านไปแสดงต่อผู้ค้าข้าวจึงจะได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนสมาชิกในบ้านนั้น

 นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อ 8 เดือนก่อนมีพ่อค้าที่เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองใหญ่ทางใต้ส่งออกน้ำมันปาล์มในราคาที่ถูกไปเก็บไซโลที่สิงคโปร์เป็นจำนวนมาก เพราะรู้ว่าภาวะฝนแล้งต่อเนื่องจะทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลน เมื่อกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้น้ำมันปาล์มขึ้นราคา ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนที่น้ำมันปาล์มจะพอใช้กลับมีการกักตุนเพื่อเก็งกำไรในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สมประโยชน์ของพ่อค้าหัวใสคนดังกล่าว ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จะพิจาณนำเข้าอีก 120,000 ตัน จึงอยากถามว่าสั่งซื้อจากใคร เกี่ยวข้องกับพ่อค้าคนดังกล่าวหรือไม่ แต่ในระยะเวลาดังกล่าวผลปาล์มของชาวไร่จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนมี.ค.-พ.ค. ก็จะทำให้เกษตรกรที่ปลูกปาล์มเดือดร้อน เพราะขายไม่ได้ราคา และรัฐบาลต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร รัฐต้องทำลายอำนาจผูกขาดของพ่อค้าคนกลางที่ผูกพันกับนักการเมือง และต้องประกันพืชผลกรณีฝนแล้ง รวมถึงต้องส่งเสริมผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น นายกฯต้องเอาจริง ใครทำผิดต้องลงโทษ อย่าทำแบบลูบหน้าปะจมูก ใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเครื่องซักฟอก