ข่าว

ผช.ทูตทหารตรวจความเสียหายภูมิซรอล

ผช.ทูตทหารตรวจความเสียหายภูมิซรอล

21 ก.พ. 2554

"ทบ."นำผช.ทูตทหาร 14 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมิซรอล - เขาพระวิหาร สำรวจความเสียหายเหตุปะทะไทย - กัมพูชา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หวังย้ำจุดยืนไทยนี้รักสงบ เขมรหนุนส่งผู้สังเกตการณ์อินโดฯจำพท.พิพาท

(21ก.พ.)   ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก เมื่อเวลา 07.00 น. พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล รองเสนาธิการทหารบก (1) พร้อมด้วย พล.ท.ธวัชชัย   สมุทรสาคร  แม่ทัพภาคที่ 2  ได้นำคณะ ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศจาก 14 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา  ญี่ปุ่น เวียดนาม สปป.ลาว  พม่า  มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเชีย บรูไน  ฟิลิปปินส์  จีน เกาหลีใต้  ฝรั่งเศส  รัสเซีย  เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดนไทย -  กัมพูชา บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 4 - 7 ก.พ.ที่ผ่านมา

 พล.ท.ศิริชัยให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ช่วงที่ผ่านมาเป็นที่สนใจของบรรดาผู้ช่วยทูตทหารต่างประจำประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีการชี้แจงให้กับผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศไปแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้พาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศรับฟังคำชี้แจงจากหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ และได้เห็นภาพต่าง ๆ จะได้เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ รวมถึงจะพาไปดูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่กัมพูชายิงจรวดเข้ามาในบริเวณพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของประชาชน

 พล.ท.ศิริชัย กล่าวว่า คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยที่ลงไปในพื้นที่ 14 ประเทศ คือ กลุ่มประเทศอาเซียน 8 ประเทศ อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และ บูรไน ส่วนอีก 6 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา ยกเว้นเพียงประเทศกัมพูชา ทั้งนี้การลงพื้นที่ก็เพื่อต้องการทำความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอาเซียน และประเทศที่เกี่ยวข้องที่เป็นประเทศคู่เจรจากับประเทศอาเซียน ทั้ง จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อให้เข้าใจว่าการปฏิบัติของฝ่ายไทยนั้นมีหลักการที่ชัดเจนว่า การแก้ไขปัญหาของกองทัพไทยต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และเป็นฝ่ายริเริ่มในเรื่องนี้มาโดยตลอด รวมถึงข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อทำอย่างไรในการปฏิบัติงานในชายแดนจะไม่เกิดการปะทะกันขึ้น ทั้งนี้การลงพื้นที่ดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 22 ก.พ.นี้

 คณะผู้ช่วยทูตทหารได้เดินทางถึงโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา เมื่อเวลา 09.00 น. โดยพล.ท.ศิริชัย ได้พาคณะเดินทางขึ้นไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร  เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะของกองกำลังทั้งสองฝ่ายเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา  รวมทั้งสถานการณ์ความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนในปัจจุบันหลังจากรับฟังบรรยายสรุปแล้ว ได้นำคณะผู้ช่วยทูตฯเดินทางไปที่จุดตรวจการผามออีแดง เพื่อตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุจริง พร้อมรับฟังบรรยายสรุป เกี่ยวกับพื้นที่ที่กำลังเป็นข้อพิพาทระหว่างไทย -กัมพูชา จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นดังกล่าว

 พล.ท.ศิริชัยได้ให้สัมภาษณ์อีกก่อนเดินทางกลับว่า  วันนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงถึงเหตุปะทะที่ผ่านมาว่า ทางเราได้ปฏิบัติตามกฎของการปะทะระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาของสองประเทศอย่างเคร่งครัด และทางเราก็ยึดถือแนวทางในการแก้ไขโดยสันติวิธีมาโดยตลอด

 ผู้สื่อข่าวถามว่าที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธชนิด คัสเตอร์บอมส์ ทางผช.ทูต ได้สนใจสอบถามเรื่องนี้หรือไม่ พล.ท.ศิริชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทางเราได้ชี้แจงไปหมดแล้วว่า เราไม่ได้ใช้อาวุธที่ว่านั้นเลย  และในการใช้อาวุธไม่ว่าชนิดใดก็ตามเรายึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ  ซึ่งการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าชนิดใด เราจะเน้นที่ตั้งฐานทางทหาร ไม่มีเป้าหมายทำลายฝ่ายพลเรือนเลย 

 เมื่อถามว่า ประเทศจีน และเวียดนามได้สนใจสอบถามประเด็นไหนเป็นพิเศษหรือไม่  พล.ท.ศิริชัย กล่าวว่า ไม่ได้สอบถามอะไรเป็นพิเศษ แค่ให้ความห่วงใยว่าอยากให้ทั้งสองประเทศได้มีการพูดคุยกัน 

 ส่วนเรื่องจุดยืนทางฝ่ายไทยที่เสนอต่อ ผช.ทูตที่มาวันนี้ พล.ท.ศิริชัย กล่าวว่า จุดยืนของเรายึดมั่นตามที่รัฐบาลออกมาชี้แจงในทุกระดับ 

เขมรหนุนส่งผู้สังเกตการณ์อินโดฯจำพท.พิพาท

 นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ ก่อนออกเดินทางไปร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ที่กรุงจากการ์ต้า ของอินโดนีเซียว่า เป็นการดีแล้วที่มีผู้สังเกตการณ์มาประจำอยู่ที่บริเวณชายแดนของทั้งสองฝ่าย จะได้ระบุได้เสียทีว่าฝ่ายใดเป็นคนเริ่มยิงก่อน

การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ที่ขอให้อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ส่งผู้สังเกตการณ์มาประจำฐานที่มั่นของทหารฝ่ายไทย เพื่อเป็นสักขีพยานและช่วยยืนยันว่าประเทศไทยเคารพการหยุดยิง

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันพรุ่งนี้(22ก.พ.) กัมพูชาเตรียมที่จะเสนอให้ไทยลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกับกัมพูชา ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดของอินโดนีเซีย ซึ่งกัมพูชามั่นใจว่าผลการประชุมจะเป็นผลดีต่อข้อขัดแย้งระหว่างประเทศครั้งนี้