ข่าว

สื่ออ้างเขมรขอunส่งกำลังลงพท.พิพาท

สื่ออ้างเขมรขอunส่งกำลังลงพท.พิพาท

19 ก.พ. 2554

สื่อกัมพูชาเสนอข่าวคำแถลง"ฮุน เซน"เรียกร้องให้ยูเอ็นส่งกองกำลังสันติภาพมาดูแลพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา อ้างปัญหาชายแดนไทย-เขมรเกินกว่าที่อาเซี่ยนจะแก้ไขได้ ขณะที่"อภิสิทธิ์" เผย ผอ.ใหญ่ยูเนสโกโทรหา เตรียมส่งผู้แทนพิเศษเข้าพบในกทม. ชี้แผนจัดการพื้นที่เดินไม่

(19ก.พ.) ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกรุงปอยเปต อ.โอวจโรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ชาวกัมพูชาได้ให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์กัมพูชา ที่พึ่งส่งมาจำหน่ายในตลาดปอยเปต โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์กัมพูชาทมัย( KAMPUCHEA THMEY DAILY ) และหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา(RASMEI KAMPUCHEA DAILY NEWSPAPER ) ฉบับประจำวันที่ 19 ก.พ.2554 ได้พาดหัวข่าวและภาพสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ประกาศต่อต้านที่ไทยประกาศชัยชนะ ในการประชุมที่ UNSC

 หนังสือพิมพ์กัมพูชาทมัย และ รัศมีกัมพูชา ได้เสนอข่าวสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้อ่านถ้อยแถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงพนมเปญ ถึงปัญหาข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย บริเวณปราสาทพระวิหาร ว่า "เหตุที่เกิดปะทะกันนั้นมันคือสงครามไม่ใช่การปะทะกันเล็กน้อย อย่างที่นายกฯไทยกล่าวอ้าง สงครามในครั้งนี้มันใหญ่เกินกว่าที่อาเซี่ยนจะเข้ามาไกล่เกลี่ย UNSC ควรเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นและควรจะส่งกองกำลังสันติภาพเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาชายแดนปราสาทพระวิหาร

 สมเด็จฮุน เซน กล่าวอีกว่า ในอดีตครั้งที่มีปัญหาชายแดนปราสาทพระวิหาร รัฐบาลกัมพูชาเคยเสนอให้ส่งผู้สังเกตการณ์อาเซี่ยนเข้ามาดูปัญหาที่ปราสาทพระวิหาร แต่ไทยเป็นผู้ที่คัดค้านเอง แต่มาครั้งนี้จะเสนอให้อาเซี่ยนเข้ามาไกล่เกลี่ยอีก ทั้งจะนำปัญหานี้ไปเจรจาในการประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซี่ยน ในวันที่ 22 ก.พ.ที่ประเทศอินโดนีเซีย อีก ปัญหานี้เกินจากอาเซียนแล้ว

 “รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียคือใครรมว.ต่างประเทศไทยคือใคร จะมาสั่งให้กัมพูชาเข้าร่วมประชุมฯซึ่งเป็นความต้องการของไทยไม่ใช่ความต้องการของกัมพูชา ปัญหามีมาตั้งหลายปีอาเซี่ยนไม่เห็นเข้ามาแก้ไข" 

 ผู้นำกัมพูชา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นขณะนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่ถ้าเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยตามชายแดนตามที่ นายกฯไทย กล่าวอ้าง UNSCคงไม่เรียกประชุมเร่งด่วน ดังนั้นที่ประเทศไทยอ้างว่าได้ชัยชนะจากการประชุม UNSC จึงไม่ใช่ นี่เป็นการโกหกประชาชน

 แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการกองทัพบก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา  ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรด่านช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับแนวทางกาหยุดยิงถาวรของกองกำลังทั้งสองฝ่าย ตามมติของ UNSC ซึ่งการเจรจาวันนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. การเจรจาจึงยุติลง  ซึ่งการประชุมครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนของไทยเข้าร่วมรับฟังด้วยโดยอ้างว่าเป็นความลับ
 
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า การพบปะกันบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น  ทั้งสองฝ่ายมีท่าทีที่ดีต่อกัน  เนื้อหาในการเจรจากันในวันนี้เป็นเรื่องที่จะมีแนวโน้มในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อันจะนำมาซึ่งความสงบสันติบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่วัดชลประทานฯว่า เรียนให้ทราบว่าตนมีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกเมื่อวานนี้ และเป็นเรื่องที่ดีที่ผอ.ยูเนสโกดูจะเข้าใจข้อเท็จจริงและสถานการณ์ดีทีเดียว โดยจะมีการมอบหมายผู้แทนพิเศษที่เป็นอดีตผอ.ยูเนสโกชาวญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาทั้งกรุงเทพฯและกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อนอยู่ เพื่อมารับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย ส่วนการส่งผู้แทนพิเศษเข้ามานั้นทางยูเนสโกจะขอส่งเป็นหนังสือเพื่อให้เกิดความชัดเจนของขอบเขตหน้าที่ของตัวผู้แทนพิเศษมาให้ตนดูก่อน ถ้ายืนยันกลับไปก็คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าที่จะสามารถเดินทางมาได้

 “แต่ว่าผมก็มีโอกาสคุยกับท่านผู้อำนวยการแล้ว ท่านค่อนข้างจะเห็นตรงกับที่เราได้เสนอว่าปัญหาการทำแผนบริหารจัดการในพื้นที่รอบปราสาทเป็นสิ่งที่ยังไม่พึงกระทำตราบเท่าที่ปัญหาเรื่องของเขตแดนยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการตามเอ็มโอยูและกระบวนการของเจบีซีต่อไป และท่านมีความห่วงใยที่ได้เห็นภาพว่ามีการใช้ทหารเข้าไปอยู่ในตัวปราสาท ซึ่งจะเป็นการขัดกับหลักการตรงนั้น ” นายกฯ กล่าว

 นายกฯ กล่าวว่า ซึ่งตนได้ให้ความมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะต้องหาทางออกโดยสันติวิธีและขณะเดียวกันก็ขอให้รับฟังสิ่งที่เราได้นำเสนอมาโดยตลอด ซึ่งไม่ได้ด้วยเจตนาอะไรแต่ว่าด้วยเจตนาที่จะให้พื้นที่ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุข และสุดท้ายประชาชนทั้งสองฝั่งและชาวโลกจะต้องมีโอกาสได้ชื่นชมตัวปราสาทในฐานะที่เป็นมรดกโลก ซึ่งชัดเจนว่ายูเนสโกไม่ต้องการให้ปัญหานี้สะสมไปจนถึงเดือนมิ.ย.ซึ่งก็จะเป็นอันตราย

 ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าออกมาประกาศว่า ไม่ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากยูเนสโกและจะขัดขวางนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราควรเป็นผู้ให้ข้อมูลกับเขาที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอด และที่บอกว่า ทำไมเราไม่ถอนตัวก็เพื่อให้เขามีความเข้าใจในสถานการณ์ที่แท้จริงที่มันเกิดขึ้น เพราะว่าถ้าเราไม่พูดกับเขา ก็จะฟังแค่ฟังกัมพูชา มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลยกับฝั่งประเทศไทย วันนี้จากที่ตนได้สนทนา ได้มีการพบกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเดินไปทางไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเกิดความเข้าใจค่อยข้างที่ดีทีเดียว เป็นจุดที่เราจะต้องเดินต่อเรื่องการสื่อสารให้ทางยูเนสโกรับทราบ และจะไม่เป็นการเดินทางไปยังพื้นที่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญพิเศษจะเดินทางมาพบกับตน

 ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางประเทศจีน และเวียดนามส่งรถถังเข้ามาช่วยทางฝั่งกัมพูชานั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีครับ ไม่มีประเทศใดที่ต้องการเข้ามาทำให้เกิดความตึงเครียด หรือความวุ่นวายมากขึ้น มีแต่ทุกประเทศแสดงออกถึงความห่วงใย ต้องการให้เกิดความสงบสุข ส่วนการเจรจายุติการหยุดยิงของแม่ทัพภาคที่ 2 กับผู้บัญชาการฝั่งกัมพูชานั้น เป็นเรื่องของการปฏิบัติในพื้นที่ เหมือนเวลาที่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่ง ปะทะกัน ผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องพยายามพูดคุยหาทางตกลงให้ได้ เพราะไม่ได้เป็นนโยบายของฝ่ายใดที่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ว่าเราไม่เคยยิงก่อนอยู่แล้ว เรื่องข้อตกลงอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจนอะไรทั้งสิ้น อยู่ที่หลายๆ ฝ่ายจะมาพูดคุยกันว่า อยากให้ทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกันเท่านั้นเอง

 นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการก็ขอให้เป็นไปทางที่สหประชาชาติต้องการจะเห็น คือ ไม่มีการปะทะกัน สำหรับเราไมได้ยิงก่อน เราไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว แต่การที่เวลาที่ใครรุกรานเข้ามา แน่นอนเรามีสิทธิที่จะปกป้องอธิปไตยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 เมื่อถามว่า แต่เวลานี้ไม่มีหลักประกันอะไรว่า คนที่อยู่ในพื้นที่จะไม่เจอปัญหาซ้ำซากอยู่อีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราพยายามให้ดีที่สุด เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกไปยังพี่น้องประชาชนว่า เวลาที่เกิดเหตุแบบนี้ ก็อาจจะมีอารมณ์อะไรกันได้ แต่ว่าสุดท้ายเราต้องพยายามให้กระบวนการแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องของสันติวิธี เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดคือคนที่อยู่บริเวณชายแดน

 เมื่อถามว่า ฝ่ายไทยเองก็จะไม่หลงเกมการเมืองของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ เรื่องของการลงนามข้อตกลงหยุดยิง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีประเด็นอะไรเลยครับ เรามีหน้าที่ที่จะปกป้องอธิปไตยของเรา ไม่มีใครมีสิทธิมาบังคับไม่ให้เราทำอย่างนั้น แต่ถ้าบอกว่าไม่ให้เรายิงรุกรานใคร เราไม่ยิงรุนรานใครอยู่แล้ว และยังไม่มีใครทราบว่าข้อตกลงหยุดยิงจะต้องทำอย่างไร เพียงแต่เป็นหลักการเท่านั้นที่สหประชาชาติเห็นว่า เมื่อมีเหตุการณ์ปะทะ ก็ต้องการให้เหตุการณ์สงบ คำว่าเหตุการณ์สงบคือไม่ยิงกัน เขาก็บอกว่าทำอย่างไรให้เป็นอย่างนั้น ตนก็คิดว่า โดยหลักการเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ก็ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทีนี้ก็ปลดเงื่อนไขมรดกโลกออกไปก็ง่ายขึ้น