ข่าว

ซ้อนแผนทลายคลินิกพัทยาทำแท้ง

ซ้อนแผนทลายคลินิกพัทยาทำแท้ง

14 ก.พ. 2554

ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เรื่องเพศศึกษาในหมู่ของเยาวชนไทย ยังกลายเป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบต่อชีวิต ครอบครัว และสังคม เมื่อหญิงสาวต้องก้าวพลาดในชีวิต จนเกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ หรือท้องไม่พร้อมขึ้นมา พวกเขามักตัดสินใจที่จะ "ทำแท้ง" เพื่อแก้ปัญหาที่เ

 ขณะเดียวกัน ก็มีสถานพยาบาลหรือคลินิกต่างๆ ที่พร้อมใจเปิดบริการ เสนอทางออกให้พวกเขาด้วยการ "รับทำแท้ง" เพราะมองเห็นผลประโยชน์จากความทุกข์ของกลุ่มผู้หญิงท้องไม่พร้อม โดยบางแห่งไม่ได้คำนึงถึงหลักและมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพและชีวิต

 เช่นเดียวกับคลินิกทำแท้งเถื่อนแห่งนี้ “พัทยาสายสามเวชกรรม” หลังจากหญิงวัยรุ่นเคราะห์ร้ายคนหนึ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2-3 เดือน แต่ยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร ได้ติดต่อขอทำแท้งกับคลินิกแห่งนี้ จนทำแท้งเด็กสำเร็จตามความต้องการของหญิงสาว แต่ต้องแลกมาด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่และล้มป่วยของเธอ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะบาปกรรมที่เขาได้ฆ่าชีวิตอันบริสุทธิ์ หรือจากการรักษาที่ไม่ถูกวิธีทางการแพทย์ก็ตาม

 แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวเคราะห์รายนี้ ญาติๆ ได้ร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) โดย พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม. ส่งสายสืบลงพื้นที่หาข่าวจนทราบแน่ชัดว่า “พัทยาสายสามเวชกรรม” ตั้งอยู่เลขที่ 223/18 หมู่ 9 ถนนพัทยาสายสาม ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีการลักลอบเปิดทำแท้งเถื่อนจริง

 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบทราบว่า คลินิกทำแท้งเถื่อนแห่งนี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เจ้าของพื้นที่วางแผนเข้าจับกุมมาแล้ว แต่คว้าน้ำเหลว ปฏิบัติการล่อซื้อการทำแท้งเถื่อนระลอกสองจึงเริ่มขึ้น เมื่อ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ได้ประสานงานกำลังมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดย พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก. พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก.สส., รอง ผกก.ปป., กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา พ.ต.ท.อรุณ พร้อมพันธ์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองพัทยา เพื่อทำการวางแผนเข้าจับกุม

 ด้วยการส่งสายลับที่เป็นวัยรุ่นเข้าไปทำทีเป็นขอซื้อการทำแท้ง พร้อมกับแอบถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าทำการควบคุมตัว นางสมใจ บัวแสน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ถนนสุโพธิ์ ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งยอมรับว่าเป็นเจ้าของคลินิกพัทยาสายสามเวชกรรม พร้อมกับพนักงานสาวแต่งกายคล้ายผู้ช่วยพยาบาลอีก 4 คน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา

 ทันทีที่นางสมใจ และพนักงานหญิงทั้ง 4 คน รู้ตัวว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนเข้าจับกุม ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี และต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบอุปกรณ์การแพทย์ที่นำมาใช้ในการทำแท้งจำนวนมาก อาทิ ขาหยั่ง เหล็กสอดภายใน เข็มฉีดยา ยาฉีดบังคับ รวมทั้งยาปฏิชีวนะที่ไม่ได้ขึ้นตำรับยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำแท้งเถื่อนบนชั้น 3 ภายในคลินิกทำแท้งเถื่อนแห่งนี้  จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองพัทยา

 นางสมใจรับสารภาพว่า ลักลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อนมานานแล้ว โดยใช้ใบอนุญาตเปิดสถานเวชกรรมภายใต้ชื่อ นพ.ชาญวิทย์ สัตยาประเสริฐ โดยการเปิดให้บริการขายยาและรักษาโรคบังหน้า เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่แท้ที่จริงแล้วลักลอบทำแท้งให้แก่หญิงสาวที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งรับทำแท้งในระยะครรภ์ 2-6 เดือน โดยคิดค่าบริการทำแท้งตามอายุครรภ์ ในราคา 3,000-10,000 บาท

 เบื้องต้นหลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาเจ้าของคลินิกแห่งนี้ไว้ 3 ข้อหา ได้แก่ การเปิดสถานบริการเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, การจำหน่ายยาซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และการทำแท้งโดยผิดกฎหมาย
 ตราบใดที่...สังคมยังไม่เปิดกว้าง เพื่อเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้อง ปัญหาการท้องไม่พร้อม และการหาทางออกโดยไม่คำนึงถึงเรื่องศีลธรรม ความรับผิดชอบชั่วดี ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ โดยมี "คลินิกทำแท้งเถื่อน" เป็นทางออกในการแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตหญิงสาว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในสุขภาพและชีวิต ก็ย่อมมีอยู่อย่างท้าทายกฎหมายต่อไป

                                                                      - ศุภกร อรรคนันท์ - คัมภีร์ อาบสุวรรณ์ -