ข่าว

การปราบ “เบ้งเฮ็ก” โจรใต้ของ “จ๊กก๊ก”  (2)

การปราบ “เบ้งเฮ็ก” โจรใต้ของ “จ๊กก๊ก” (2)

09 เม.ย. 2552

แม้แต่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ปราชญ์ในดวงใจของผม ก็ยังให้ความสนใจการปราบ เบ้งเฮ็ก โจรใต้ของ “จ๊กก๊ก” ของท่านกุนซือขงเบ้งเป็นพิเศษถึงขนาดเขียนหนังสือเกี่ยวกับ เบ้งเฮ็ก เอาไว้อย่างละเอียด อยากให้ผู้อ่านลองไปหาอ่านกันดูครับ

เบ้งเฮ็ก มีนิสัยเหมือนคนไทยในปัจจุบันเป็นที่สุดครับ เดี๋ยวแข็ง เดี๋ยวอ่อน จิตใจโลเล เจ้าน้ำตา เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็หัวเราะสลับขั้ว พลิกแพลงไปมา ไร้ระเบียบกฎเกณฑ์ หลักการและอุดมการณ์ รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ อีกทั้งยังฝักใฝ่ไสยเวทย์ ทายใจไม่ถูกว่าคิดอย่างไร

 เป้าหมาย กุนซือขงเบ้ง คือ การชนะศึกเบ้งเฮ็กครั้งนี้ จะต้องชนะด้วยการชนะใจแต่สถานเดียว โดยจะต้องตีลงไปที่ตรงกลางกล่องดวงใจของเบ้งเฮ็ก โดยการเอาใจไปแลกกับใจ ดังนั้น ถึงแม้ เบ้งเฮ็ก จะพลาดท่าเสียทีถูกจับเป็นเชลยได้หลายครั้ง ขงเบ้ง กลับปล่อย เบ้งเฮ็ก ไปทุกครั้ง เพราะรู้แก่ใจดีว่าถึงชนะศึกไปก็ไม่มีประโยชน์แต่ประการใด พอยกทัพหลวงกลับจากดินแดนภาคใต้ ก็จะมี  เบ้งเฮ็ก คนที่ 2, 3 และ 4 ที่อาจจะเฉลียวฉลาดขึ้นโหดเหี้ยมขึ้นกว่าคนแรก เป็นตัวตายตัวแทนขึ้นมาอีก ก็จะวุ่นวายกันไม่รู้จักจบจักสิ้น

 อ่านมหากาพย์สามก๊กตอนนี้แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่สงบในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ “สยามก๊ก”  ในช่วงยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด และสถานการณ์บ้านเมืองที่สับสนวุ่นวายแบบวัวพันหลักเช่นนี้ การฟื้นฟูเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคมและการเมือง (รวมไปถึงการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญเดิม) อีกทั้งการฟื้นฟูคุณธรรม จริยธรรม แบบ “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นั้น เป็นหัวใจสำคัญ พอเสียทีเถอะครับกับการที่เอาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไปผูกกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตเพื่อการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว หันกลับมาเสริมสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง เข้มแข็ง ในหมู่เฮาพวกเราชาวไทยกันเองดีกว่า ถึงจะรวยช้าไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ยากจนข้นแค้นอย่างที่กำลังเป็นอยู่หรอกครับ 

 ผมก็ได้แต่หวังว่าผู้คนในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “คนดีศรีรัตนโกสินทร์”  ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดูแลรับผิดชอบทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงการเมือง ในดินแดน “มันอ็อง” ของ  “สยามก๊ก”  คือ บริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้อ่าน มหากาพย์สามก๊ก ตอน ท่านขงเบ้งทำศึกกับ เบ้งเฮ็ก รวมทั้งกลยุทธในการชนะศึกด้วยใจ ก็จะได้เกิดมุมมองในทางสร้างสรรค์ อาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการที่ยั่งยืนได้ครับ

 แต่จะว่าไปแล้ว เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เพิ่งมาปะทุเกิดการเข่นฆ่าทำลายล้างกันทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม มาเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ผู้รู้บางท่านก็บอกว่า เหตุการณ์ที่เลวร้ายนั้นเริ่มมาจากพนักงานฝ่ายปราบปรามของรัฐ ลุแก่อำนาจ อุ้มฆ่าทั้งคนบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ หลายร้อยชีวิตที่หายสาบสูญไป จึงเป็นเชื้อไฟในการจุดชนวนแห่งความขัดแย้ง รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจต่อกัน

ในความเห็นของผมแล้ว ทุกปัญหาไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ย่อมมีคำตอบและทางออกในการแก้ไขเสมอครับ ยิ่งได้อ่าน  มหากาพย์ “สามก๊ก” ในตอนที่ ท่านกุนซือขงเบ้ง ทำศึกกับ เบ้งเฮ็ก แห่งมันอ็อง รวมถึงกลอุบายที่ ขงเบ้ง ทำการชนะศึกโดยชนะใจให้ได้เสียก่อน จึงเป็นชัยชนะที่ยั่งยืน สง่างาม แบบเบ็ดเสร็จ ก่อให้เกิด “ประโยชน์สุข” ทั้งสองฝ่าย ผมก็อยากให้ท่านที่มีอำนาจวาสนา ลองศึกษา ค้นหาวิธีที่ขงเบ้ง ได้ใช้ในการจัดการกับเหตุการณ์ที่ไม่สงบชายแดนภาคใต้ของ “จ๊กก๊ก” ให้ละเอียดกันดูสักที 

แม้เมืองไทยอาจจะหาคนอย่าง ขงเบ้ง ที่เข้าใจสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ของ “จ๊กก๊ก” แบบทะลุปรุโปร่งยากสักหน่อย แต่กรุงรัตนโกสินทร์ก็ไม่น่าจะสิ้นไร้คนดีมีฝีมือ ที่ซื่อสัตย์ มีทั้งคุณธรรมและจริยธรรม เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน