ข่าว

ยถากรรม"สัตว์"หนีภัยสู้รบเขมร

ยถากรรม"สัตว์"หนีภัยสู้รบเขมร

12 ก.พ. 2554

ผลพวงจากการปะทะกันอย่าง "สมน้ำสมเนื้อ" ของกองกำลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา นอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบแล้ว บรรดาสัตว์เลี้ยงที่สร้างรายได้และไม่สร้างรายได้ของชาวบ้านก็ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างกัน เมื่อเจ้

 เมื่อย่างเข้าสู่พื้นที่หมู่บ้านเสาธงชัย หมู่บ้านภูมิซรอล พบเพียงความว่างเปล่า ไร้ผู้คน นานๆ ทีจะมีรถทหารวิ่งผ่านมา หรือจะมีชาวบ้านแวะมาตรวจสอบทรัพย์สินของตนเองแล้วรีบกลับออกจากหมู่บ้านไป จึงพบเห็นเพียง "วัว-ควาย" ที่ถูกขังไว้ในคอก ขณะที่ "สุนัขและแมว" กำลังหิวโหย เข้าแย่งรุมกันกินซาก "เป็ด-ไก่" ที่ตายเกลื่อนเนื่องจากถูกสุนัขกัด

 “ผมเข้าไปอยู่ที่ศูนย์อพยพตั้งแต่วันเสาร์ (5 ก.พ.) พอช่วงกลางวันจะแวะมาดูเป็ดที่เลี้ยงไว้เกือบร้อยตัว 2-3 วัน ผมก็ปล่อยให้พวกมันหากินกันตามธรรมชาติ พอถึงเวลาเย็นมันจะกลับเข้าเล้าเอง แต่พอผ่านไป 5 วัน เป็ดของผมหายไปเกือบ 20 ตัว เห็นซากเพียง 4-5 ตัว ซึ่งอาจถูกหมาไล่กัดกินด้วยความหิว แต่บางส่วนคงถูกคนขโมยเป็ดไปด้วย" แก้ว คุนรา บอก ขณะแวะมาดูแลเป็ดในช่วงกลางวัน ส่วนวัวและควาย อีก 5 ตัวที่เลี้ยงไว้ ได้ย้ายไปไว้ศูนย์อพยพสัตว์เรียบร้อยแล้ว

 นันธ์เวโรจน์ บูชาพัฒน์ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ บอกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบตามแนวชายแดน นอกจากมีการวางแผนเพื่อช่วยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว ยังมองไปถึงสัตว์เลี้ยงของประชาชนด้วย โดยจัดพื้นที่เพื่ออพยพสัตว์ประเภทวัวและควายไว้ 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยการช่าง, บ้านขนุน และบ้านแท่น ซึ่งมีระยะทางห่างจากพื้นที่เสี่ยงการปะทะกว่า 15 กิโลเมตร โดยประชาชนที่เดือดร้อนต้องมาแจ้งความจำนงที่ปศุสัตว์อำเภอ แล้วทางหน่วยงานจะเอารถไปรับสัตว์เหล่านั้นมา โดยทำสัญลักษณ์เลขหมายระบุว่าเป็นสัตว์ของใครที่ใบหู แล้วนำมาไว้ที่ศูนย์อพยพสัตว์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ รวมทั้งเรื่องการขนส่งและการดูแลสัตว์ในเรื่องอาหาร หญ้าแห้ง วัสดุ และเวชภัณฑ์

 ด้าน ปรีชา ชำกรม ปศุสัตว์อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บอกถึงการอพยพสัตว์เลี้ยงในพื้นที่เสี่ยงการปะทะว่า ขณะนี้ไม่มีนโยบายขนย้ายสัตว์เล็ก แต่จะจ่ายค่าชดเชยสำหรับชาวบ้านที่ลงทะเบียนไว้ จึงทำให้สัตว์เล็กอย่างเป็ดไก่นั้น ออกหากินตามธรรมชาติ อาจถูกสุนัขและแมวที่หิวโหยอดอยากเปลี่ยนสัญชาตญาณมาล่าเหยื่อกัดกินไก่แล้วทิ้งซากไว้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการควบคุมปล่อยให้เน่าตายตามธรรมชาติในห้วยหนอง และหากไม่มีการควบคุมอาจจะเป็นที่มาของเชื้อโรคระบาดในพื้นถิ่นก็เป็นได้

 ปศุสัตว์อำเภอกันทรลักษ์ ยอมรับว่า การอพยพสัตว์ในภาวะสงครามเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเนื่องจากสัตว์ใหญ่ประเภทวัว ควายในพื้นที่มีมากกว่า 30 ตัว และตามแนวติดชายแดนมีอีกว่า 1 หมื่นตัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแบ่งขนจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่สุดก่อน คือ บ้านเสาธงชัย ซึ่งมีประมาณ 700-1,000 ตัว

 “ปกติไม่ค่อยได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงไม่ได้จัดเตรียมรถไว้สำหรับขนย้ายสัตว์ วันแรกได้จ้างรถบรรทุกไว้ 5 คัน คันละ 2,500 บาท แต่มาแค่คันเดียว เพราะอีก 4 คันกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ตอนเวลาไปต้อนวัวควายก็ทุลักทุเล เพราะเราไม่ใช่เจ้าของ และยังต้องคอยฟังวิทยุให้ดีว่ามีการยิงกันหรือไม่ ผ่านมาแล้ว 7 วัน สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ได้เพียง 100 กว่าตัวเท่านั้น" ปรีชา กล่าว และมองว่า การเคลื่อนย้ายสัตว์นั้นลำบากกว่า และเมื่ออพยพมาแล้วสัตว์ต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด ทำให้เกิดความเครียด และต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อจากการที่มีสัตว์มาอยู่รวมกันมากๆ ด้วย

 ปัญหาจากการอพยพเคลื่อนย้ายสัตว์ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แม้จะมีอุปสรรคและความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคของสัตว์ แต่คงไม่น่าหนักใจเท่ากับกลุ่มมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ แล้วต้อนวัวควายชาวบ้านขึ้นรถบรรทุกไปอย่างลอยนวล!!

                   ไชยฤทธิ์ เสนาะวาที :เรื่อง          วัชรชัย คล้ายพงษ์ : ภาพ