
ในหลวงพระราชทานช่วยผู้ประสบภัยรบ
ในหลวง-ราชินี พระราชทานสิ่งของช่วยชาวบ้านผู้ประสบภัยจากการปะทะระหว่างทหารไทยกับเขมร ธารน้ำใจคนไทยหลั่งไหลไปช่วยเหลือชาวบ้านที่อพยพ ขณะที่ชาวบ้านเจ็บป่วยด้วยโรคปวดศรีษะและโรคเครียดเป็นจำนวนมาก
(7ก.พ.) การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่บริเวณภูมะเขือ ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ฝั่ง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แม้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความพยายามในการเจรจาให้สถานกาณ์คลี่คลาย แต่กองกำลังทั้ง 2 ชาติ ยังยิงตอบโต้กันด้วยอาวุธหนักยืดเยื้อเป็นวันที่สี่ นำมาสู่เหตุการณ์ปะทะกันในรอบที่ 4
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดหน่วยสงเคราะห์เคลื่อนที่ มีนายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิ เดินทางไปมอบผ้าห่มกันหนาว 3,000 ผืน และชุดเครื่องครัว จำนวน 1,000 ชุด แก่ราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์ นำข้าวสาร ผ้าห่มกันหนาว เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก และของเด็กเล่น ไปมอบให้แก่ราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถุงยังชีพแก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างทั่วถึงด้วย
น้ำใจไทยหลั่งไหลช่วยผู้อพยพภัยสู้รบ
ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยจากเหตุการณ์ยิงปะทะกันของทหารไทยและทหารกัมพูชาเมื่อช่วงคืนวันที่ 5 กพ 2554 มีชาวบ้านในอำเภอน้ำขุ่น 3 ตำบล คือตำบลโคกสะอาด ไพบูลย์ ตำบลขี้เหล็ก และตำบลภูผาหมอก จ.ศรีสะเกษ กว่า 4,000 คน ที่อพยพหนีภัยมาพักยังศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา
ช่วงเช้าวันนี้ ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อำเภอน้ำขุ่นได้เดินทางกลับบ้านเรือนแล้ว ที่ยังเหลืออยู่จำนวนกว่า 1,000 คน เป็นชาวบ้าน จากบ้านด่าน ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งทางทหารยังไม่อนุญาตให้อพยพเข้าไปในพื้นที่เนื่องจากเหตุการณ์ยังตรึงเครียดยังไม่น่าไว้ว่างใจ ขอให้พักที่ศูนย์จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีและหน่วยงานทั้งส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทราบข่าวความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องหลบหนี้ภัยมาอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ ต่างหลั่งไหลเข้าไปเยี่ยมเยือนให้กำลังใจและนำสิ่งของไปมอบให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะข้าวสาร อาหาร ผักสด และเครื่องปรุงอาหารได้มีชาวบ้านที่อยู่ในตำบลใกล้เคียงได้รวบรวมกันใส่รถกระบะนำมาส่งมอบให้ทางโรงครัวได้ปรุงอาหารเลี้ยงชาวบ้านตลอดทั้งวัน พร้อมกันนี้ทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยปรุงอาหารให้กับชาวบ้านได้รับประทาน ขณะที่ทางองค์การบริหารจังหวัดอุบลราชธานี ได้เครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้กับชาวบ้านด้วย
ทางด้านนายนายเธียรชัย อัจฉริยพันธุ์ นายอำเภอน้ำขุ่น กล่าวว่า การช่วยเหลือชาวบ้านอพยพในขณะนี้ทางอำเภอได้ยุบศูนย์อพยพจาก 3 ศูนย์ มาอยู่รวมกันเป็นศูนย์เดียวเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือชาวบ้านได้เต็มที่
ขณะนี้ได้ช่วยเหลือในเรื่องของผ้าห่มกันหนาว ได้แจกจ่ายไปแล้วกว่า 4,000 ผืน ส่วนเรื่องของอาหารมีชาวบ้านใกล้เคียงนำข้าวสารอาหารแห้ง ผักสด เนื้อสัตว์มาช่วยเหลือกันตลอดทั้งวัน ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องของอาหาร แต่ปัญหาที่พบในขณะนี้พบว่าชาวบ้านมีอาการเครียดกับเหตุการณ์การที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านเจ็บป่วยเป็นโรคปวดศีรษะและเครียดจนนอนไม่หลับ เนื่องจากมีข่าวลือว่าจะมีเหตุการณ์ยิงกันเข้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้บ้านบางส่วนห่วงทรัพย์สินบ้านเรือนรวมทั้งความปลอดภัยจนทำให้ไม่สามารถที่จะข่มให้ตนเองนอนหลับ
ทหารเคลื่อนกำลังพล1กองร้อยเฝ้าระวังแดนบุรีรัมย์
การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องที่ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลกระทบบรรยากาศชายแดนในหลายจังหวัดนั้น ด้านนายณัฐ ชาติวัฒนศิริ นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดน ที่บริเวณฐานปฏิบัติการช่องโอบก กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 2161 ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด ห่างจากช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร ประมาณ 5 กิโลเมตร
หลังทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชายังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ที่บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ แต่จากการตรวจติดตามสถานการณ์ ไม่พบความเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ ตชด.ก็ได้มีการส่งกำลังลาดตระเวน และส่องกล้องติดตามความเคลื่อนไหวของทางฝ่ายกัมพูชาอยู่ตลอดทุกชั่วโมง เพื่อรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับการบัญชาทราบ
นายณัฐ ชาติวัฒนศิริ นายอำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า ชายแดนฝั่งอ.บ้านกรวด ยังเป็นปกติ ไม่มีการปะทะ และไม่มีการเสริมกำลัง ของทหารทั้งสองฝ่าย ขณะที่ทางอำเภอได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครรักษาดินแดนกว่า 20 นาย เข้าไปเฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนตามแนวชายแดน พร้อมติดตามข่าวความเคลื่อนไหวสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น รายงานให้ทราบตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว
ขณะที่กรมทหารราบที่ 23 กองพันทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจ.บุรีรัมย์ (ร.23 พัน 4) ได้มีการเคลื่อนกำลังพลจำนวน 1 กองร้อย ไปดูแลรักษาความปลอดภัย ตามถนนสายยุทธศาสตร์ระหว่าง อ.บ้านกรวด - อ.ละหานทราย เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้กัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย
พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาช่องจอมเร่งขนสินค้ากลับ
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณด่านถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวอีกครั้ง หลังเกิดเหตุปะทะกันขึ้นระลอก 3 บริเวณภูมะเขือ จ. ศรีสะเกษ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ตรึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง และเกิดกระแสข่าวลือการปะทะจะลุกลามมายังพื้นที่ ทำให้ทั้งพ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านต่างตื่นตระหนก โดยในช่วงเช้าได้มีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาขนสิ่งของกลับเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนไทยที่ติดค้างภายในโอรเสม็ด เจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้กลับเข้ามาในประเทศเกือบทั้งหมดแล้ว แต่จะเปิดประตูให้ชาวกัมพูชาขนสินค้า เดินทางกลับเข้าประเทศ
ขณะที่ชาวไทยก็ยังสามารถเดินทาง กลับเข้ามาในฝั่งไทยได้เช่นกัน แต่ไม่อนุญาตให้ ให้ชาวไทยและชาวกัมพูชา เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หรือเข้าเล่นพนันในบ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรนารี เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางกัมพูชาได้คอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้บริเวณตลาดค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิงจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 300 ร้าน ปิดเงียบทั้งหมดในวันนี้เช่นเดียวกับที่ตลาดโอรเสม็ดฝั่งกัมพูชา บรรดาพ่อค้า แม่ค้าได้ทำการปิดร้านและเดินทางเข้าที่ที่อำเภอสำโรงและจังหวัดเสียมราฐเกือบหมดแล้วเช่นกัน
ส่วนที่โรงเรียนบ้านด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ประมาณ 4 กิโลเมตร วันนี้ไม่มีนักเรียนเดินทางมาเรียน เพราะได้อพยพ พร้อมด้วยผู้ปกครองไปยังศูนย์อพยพบ้านคูตัน และทางโรงเรียนได้สร้างหลุมหลบภัยขึ้นอย่างถาวร เพื่อให้ครู และนักเรียนได้เข้าหลบกระสุนปืนใหญ่จากการสู้รบ
ผลกระทบสู้รบทำตลาดโรงเกลือหงอยทัวร์ยกเลิกเกลี้ยง
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสระแก้ว รายงานถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์สู้รบระะหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ยังคงมีชาวกัมพูชาเดินทางเข้าออกอยู่แต่น้อยกว่าปกติมาก ในขณะที่ตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดนขนาดใหญ่ที่อยู่ติดชายแดนยังคงเปิดค้าขายปกติ ตลอดทั้งวันมีข่าวลือในหมู่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาว่าไทยจะปิดด่าน ในส่วนนักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางมาซื้อของทำให้ยอดนักท่องเที่ยวหายไป ประมาณ 80% และร้านค้าในตลาดปิดไปกว่า 30% ส่วนการส่งออกยังคงปกติ ด้านท่องเที่ยวยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปกัมพูชาอยู่ แต่กรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยวไทยถูกยกเลิกหมด และนักพนันที่เข้าไปเล่นยังบ่อนคาสิโนปอยเปต หายไป 60%
นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ยิงปะทะกันของทหารไทย-กัมพูชา ครั้งที่สามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในส่วนของการส่งออกสินค้าชายแดนไปยังประเทศกัมพูชายังไม่กระทบ เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนตั้งแต่วันที่ 1 กพ.ที่ผ่านมา และจะเริ่มส่งสินค้าออกในวันพรุ่งนี้ (8 กพ) เป็นวันแรก จึงต้องเฝ้าดูสถานการณ์ ด้านการท่องเที่ยวพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยไม่กล้าเดินทางไปกัมพูชา แต่ในช่วงเช้ายังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ทราบข่าวหรือวางแผนเข้าไป กัมพูชาอยู่แล้วรอเดินทางเข้าไป
สำหรับความคิดเห็นกรณีถ้ากัมพูชาระงับการสั่งซื้อสินค้าจากไทยแล้ว หันไปสั่งซื้อสินค้าจากเวียตนามและจีนแทน ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ในฐานะผู้ส่งออกปูนซิเมนต์รายใหญ่ไปยังกัมพูชา กล่าวว่า ไม่น่าเป็นไปได้ แม้ว่าปูนซิเมนต์ของเวียตนามจะถูกกว่าของไทย 3-4 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน และของจีนจะถูกกว่าไทย 7-8 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน แต่ค่าขนส่ง 18-20 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ปูนของไทยแม้ว่าจะแพงกว่าแต่ต้นทุนขนส่งสินค้าไปกัมพูชาถูกกว่าจาก กรุงเทพฯ-ปอยเปต แค่ 10 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่กัมพูชาจะนำเข้าปูนซีเมนต์จากจีนและเวียตนาม
นางราตรี แสงรุ่งเรือง ประธานชมรมท่องเที่ยวสระแก้ว และผู้จัดการ อรัญ-ศรีโสภณแทรเวล เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงปลายไฮซีซั่น ทำให้ทัวร์ที่จะไปประเทศกัมพูชาและเวียตนามที่จองไว้ล่วงหน้าในเดือนนี้แจ้ง ยกเลิกทั้งหมด ซึ่งในอำเภออรัญประเทศมีบริษัททัวร์เข้าเขมรกว่า 10 บริษัท ความเสียหายต่อเดือนประมาณ 3 แสนบาทต่อบริษัท รวมแล้วมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท และน่าจะมีผลกระทบในระยะยาวเนื่องจากส่วนใหญ่จะต้องวางแผนเดินทางก่อนล่วง หน้า
พ.ต.อ.มานิด ศรีวงษา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ กล่าวว่า ณ วันนี้จำนวนคนไทยและกัมพูชาที่เดินทางเข้าออกด่านคลองลึกลดลงแค่ประมาณ 10% แต่ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงปกติ และคาดว่าที่ด่านคลองลึกไม่น่าส่งผลกระทบเนื่องจากเป็นย่านเศรษฐกิจของไทย และเขมร มีระยะทางไกลจากจุดเกิดเหตุที่จังหวัดศรีสะเกษมาก และถ้ามีปัญหาประชาชนทั้งไทยและเขมรก็จะมีการแจ้งเตือนก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว