ทีวีเขมรเผยรูปปราสาทพระวิหารถูกยิง | คมชัดลึก

(7ก.พ.) หลังจากทางการกัมพูชาอ้างว่าปีกด้านหนึ่งของประสาทพระวิหารพังถล่มเนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่ของทหารไทยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ.) แต่สถานีโทรทัศน์ของกัมพูชาได้เผยแพร่ภาพของทหารกัมพูชาชี้ให้เห็นจุดที่เป็นร่องรอยเพียงเล็กน้อยของกระสุนตกใส่บริเวณกำแพงตัวปราสาทพระวิหาร ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขอบเขตความเสียหายต่อปราสาทเขาพระวิหารยังไม่อาจทราบได้

นอกจากนี้ภาพข่าวของทางกัมพูชายังเผยให้เห็นจุดที่หลังคาไม้และพระพุทธรูปของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่อยู่ไมไกลจากประสาทพระวิหารได้รับความเสียหาย  และมีรายงานด้วยว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน กล่าวในพิธีสำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยในกรุงพนมเปญว่า ประเทศของเขาจะไม่ยอมถอดธงชาติที่โบกสะบัดอยู่เหนือซุ้มประตูวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ

ล่าสุดมีรายงานว่า การยิงปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงเกิดขึ้นอีกในวันนี้เป็นวันที่ 4 หลังจากเริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันศุกร์ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คนแล้ว แต่ผู้อำนวยการสถาบัน พีเอสเอ เอเชีย บริษัทให้คำปรึกษาด้านการประเมินความเสี่ยง  แสดงความเห็นด้วยความมั่นใจว่า สถานการณ์ขัดแย้งในขณะนี้จะสามารถควบคุมได้ และกองทัพจะสามารถเจรจาหาข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันได้

ชาวฮินดูวอนยูเอ็นเข้าดูแลปราสาทพระวิหาร

เว็บไซต์เดลี่อินเดีย รายงานว่า ชุมชนชาวฮินดูในต่างประเทศได้เรียกร้องให้สหประชาชาติเข้าไปดูแลปราสาทพระวิหาร อันเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยนายราชันย์ เซด ประธานชุมชนผู้นับถือศาสนาฮินดูทั่วโลก ได้ออกแถลงการณ์ที่รัฐเนวาดา ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ว่า ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นศาสนสถานของฮินดู ที่สร้างในศตวรรษที่ 11 นั้น เป็นทั้งมรดกโลก และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณของโลก ที่จะต้องรักษาให้คงสภาพไว้เพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป

นายเซด กล่าวด้วยว่า วิหารแห่งนี้ เป็นสิ่งสักการะสำหรับชาวฮินดูทั่วโลก ขณะที่รายงานความเสียหายจากการยิงปะทะกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ อาจสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เคารพศาสนาสถานแห่งนี้ เขายังชี้ด้วย การปะทะกันบ่อยครั้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และดำเนินมายาวนานแล้วนั้นอาจสร้งความเสียหายให้กับตัวปราสาทที่เก่าแก่และเปราะบาง การเข้าไปดูแลของสหประชาชาติจะช่วยปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ตามด้วยการพัฒนาและจัดการพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ศรัทธาและคนทั่วไปได้เข้าชม นำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนเข้าสู่ท้องถิ่น รวมถึงการเก็บกู้ระเบิด เพื่อรักษาชีวิตทหารและพลเรือน ที่มักตกเป็นเหยื่อความขัดแย้ง

นายเซด ยังบอกด้วยว่า โลกจะไม่ยอมให้สถานกที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ได้รับความเสียหายอีกต่อไปด้วย เพียงเพราะแค่หวังฉกฉวยประโยชน์ทางการเมืองของคนบางกลุ่ม ในขณะที่ปราสาทแห่งนี้ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมัน ที่ 1 และพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดผลงานสถาปัตยกรรมชั้นเลิศของเขมร อันเปรียบเสมือนตัวแทนของเขาพระสุเมร สถานที่ประทับขององค์พระศิวะ มหาเทพของศาสนาฮินดู

เว็บไซต์สื่อหนุนรบ.กัมพูชากล่าวหาไทยยิงแก๊สพิษ

เว็บไซต์ เค-ไอ มีเดีย ที่อ้างว่า เผยแพร่เฉพาะข้อมูลที่อ่อนไหวสำหรับกัมพูชา และสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ไทยพร้อมที่จะใช้เครื่องบินและแก๊สพิษเพื่อยึดครองปราสาทพระวิหาร โดยนายฮัง สรรพยุทธ์ ผู้สื่อข่าวของวิทยุเอเชียเสรี ที่แม้แต่สังคมชาวออนไลน์ของกัมพูชา ก็ทราบดีว่า เขาเสนอข่าวเข้าข้างรัฐบาลกัมพูชา  ได้รายงานเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และพบว่า มีจรวดหลายลูกถูกยิงไปตกภายในบริเวณปราสาทด้วย

การปะทะกันได้เริ่มขึ้นที่ช่องจักจะแรง (Chak Chreng) , พนมโตร๊ป (Phnom Trop)  หรือ ภูมะเขือ และลานอินทรี (Veal Entry ) นายฮัง อ้างว่า สาเหตุที่แท้จริงของการปะทะกันนั้นยังไม่แน่ชัด แต่ทางกัมพูชา พบว่า ไทยเป็นฝ่ายยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าไปในฝั่งกัมพูชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 6 คน

เค-ไอ มีเดีย และนายฮัง ต่างรายงานว่า บรรดาผู้บัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้ทหารทำทุกวิถีทางเพื่อยึดปราสาทพระวิหารมาเป็นของไทยให้ได้ ไม่ว่าจะโบราณสถานแห่งนี้จะเกิดความเสียหนักแค่ไหนก็ตาม อันเป็นการบ่งชี้ว่า ไทยใช้เครื่องบินหลายลำและแก๊สพิษในการต่อสู้กับกัมพูชา ซึ่งนับเป็นการพยายามผูกโยงเรื่องนี้ เพื่อดึงความสนใจจากทั่วโลกหลังจากโฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไทยใช้ก๊าซพิษบรรจุกระสุนปืนใหญ่ขนาด 130 ม.ม. ยิงถล่มกัมพูชาหลายนัด ในการปะทะกันครั้งล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์

ด้านนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้ทำหนังสือด่วนถึงประธานที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นวาระหมุนเวียนของผู้แทนถาวรจากบราซิล เรียกร้องให้เข้าแทรกแซงเพื่อยุติการสู้รบ โดยอ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้พังลงไปแถบหนึ่ง อันเป็นผลโดยตรงจากการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ของไทย ขณะที่ภาพจากสถานีโทรทัศน์ของกัมพูชาเอง กลับฟ้องว่า แทบไม่พบร่องรอยความเสียหายของปราสาทฮินดูเก่าแก่อายุ 900 ปีแห่ง แต่อย่างใด 

โฆษกรัรฐบาลกัมพูชา ได้พยายามกล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายยิงก่อน แต่ไม่พูดถึงเรื่องที่กัมพูชาใช้ปราสาทพระวิหารเป็นที่ตั้งอาวุธหนัก และใช้ความได้เปรียบจากการอยู่บนที่สูง ยิงเข้าใส่ฝ่ายไทย

ทั้งนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประชาคมนานาชาติ ได้ร่วมลงนามในสัญญาห้ามใช้แก๊สพิษในการทำสงคราม และไทยเป็นหนึ่งในภาคีที่ได้ร่วมลงนามด้วย และมีเพียงอดีตสหภาพโซเวียตเท่านั้น ที่ถูกระบุว่า พัฒนาอาวุธเคมีอย่างต่อเนื่องในยุคสงครามเย็น ส่วนกัมพูชา มักจะใช้ปราสาทพระวิหารเป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบ ตอนที่เกิดสงครามกลางเมืองเขมรแดงก็เคยใช้พื้นที่บริเวณนี้ เป็นเสมือนตัวประกันในการสู้รบกับทหารเวียดนาม ที่บุกเข้ากัมพูชามาแล้ว และยังทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการสู้รบในครั้งนั้น มาจนถึงทุกวันนี้