
แม่ทัพภาค2ถกเขมรลั่นไม่มีการยิงแล้ว
แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่นจะไม่มีการยิงกันอีกแล้ว หลังนำทีมรุดเจรจาแม่ทัพภาค 4 ของเขมร ผบ.กกล.บูรพา ยันชายแดนไทย-กัมพูชาด้านสระแก้วปกติ ด้านพท.เรียกร้อง"มาร์ค"เจรจาผู้นำกัมพูชาด้วยตัวเอง จี้รัฐบาลดูความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่พิพาท เผย กมธ.ทหารเตรียมลงพื้นที่พรุ่
(5ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางด้วยเฮลิปคอปเตอร์พร้อมคณะลงจอดที่สนามโรงเรียนบ้านแซรไปร หมู่ที่ 4 บ้านแซรไปร ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เดินทางต่อด้วยรถยนต์ข้ามพรมแดนไทยจุดด่านระกา เข้าสู่เขตแดนกัมพูชาทางทิศตัวนตกตลาดฝั่งกัมพูชา ห่างเขตแดนไทยประมาณ 1,500 เมตร
จากนั้นเวลา 10.30 น.ถึงสถานที่เจรจา โดยชาวกัมพูชาเรียกว่า"สะวากม"ไทยเรียกว่าสมาคมเป็นร้านค้า ข้างในมีโต๊ะยาวรวม 5-6 เมตร วางเก้าอี้ข้างละ 10 ตัว เป็นห้องกระจกปิดมิดชิดด้วยกระจกสีชา พบทหารฝ่ายกัมพูชา ผู้นำกองทัพจำนวนมากรอรับสู่โต๊ะเจรจา ท่ามกลางเหล่าบรรดาสื่อมวลชนจากประเทศกัมพูชา ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ร่วม 50 คนรอทำข่าว
โดยผู้นำประเทศไทยร่วมโต๊ะเจรจาประกอบด้วย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2, พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีพร้อมคณะส่วนนายทหารประเทศกัมพูชา มี พล.ท.เจีย มอน แม่ทัพภูมิภาคที่ 4 พล.ท.สะรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลที่ 3 พล.ท.นวน โนรอ รอง แม่ทัพภูมิภาค4 พร้อมคณะเข้าร่วมเจรจาข้างในเต็มไปด้วยบรรยากาศยิ้มแย้ม เมื่อถึงการร่วมบนโต๊ะเจรจาทางทหาร 2 ประเทศ ได้กันสื่อมวลออกนอกห้องประชุมจากการสังเกตการประชุมเต็มด้วยบรรยากาศแห่งความเป็นกันเอง ส่วนสื่อมวลชน นายทหารทั้งไทย กัมพูชา รอลุ้นผลอยู่ข้างนอก ใช้เวลาประชุมประมาณร่วม 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ท.ธวัชชัย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า "มีความเข้าใจกันดี คาดไม่เกิดเหตุการณ์การใช้กำลังกันอีก หลังการเจรจากันไม่น่าจะเกิดการยิงกันขึ้นอีก"
ด้านพล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว ปกติไม่มีเหตุการณ์ใดๆทุกฝ่ายยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีการเสริมกำลังหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารใดๆเข้ามาในพื้นที่ ที่ผ่านมาสองฝ่ายมีการพูดคุยกันตลอดเวลา ดังนั้นปัญหาการเผชิญหน้ากันจึงไม่มีอย่างแน่นอน
"ผมได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ พล.ท.บุน เซ็ง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนด้านตรงข้ามกับ จ.สระแก้ว โดย พล.ท.บุน เซ็ง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาบริเวณชายแดนด้านตรงข้ามกับ จ.สระแก้ว ยังอยู่กันตามปกติ ไม่มีการเสริมกำลังหรืออาวุธหนักใดๆเข้ามาในพื้นที่ และรับรองว่าชายแดนด้าน จ.สระแก้วและ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา จะไม่มีการยิงปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอน หากมีอะไรไม่เข้าใจกันก็จะโทรศัพท์พูดคุยกัน "ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรียกร้องให้คนไทยทุกภาคส่วนแสดงการรวมพลังเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย พร้อมดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเปล่าประโยชน์ โดยให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาศักดิ์ศรีของชาติ ที่นอกจากจะต้องชนะแล้ว จะต้องชอบธรรมด้วย ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลรู้เท่าทันการใช้สงครามการให้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการที่กัมพูชายื่นเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ถือเป็นการขยายความขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการบนพื้นฐานที่ถูกต้อง ทั้งนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า จากเหตุการณ์ยิงปะทะมีข้อชวนสงสัยหลายประการ คือ เหตุใดเหตุการณ์จึงเกิดขึ้นในช่วงที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมที่กัมพูชา อีกทั้งในวันนี้ยังคงมีการยิงปะทะกัน และในขณะที่ไทยจำกัดแนวปะทะ แต่กลับมีกระสุนปืนใหญ่ตกมาในชุมชนฝั่งไทย
ส่วนนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ได้กล่าวถึงการเกิดเหตุปะทะกันในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า เรื่องดังกล่าวมีสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการชุมนุมกดดันของมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด จนต้องมีการตรึงกำลังทหารทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ เห็นว่าคนไทยควรที่จะระงับอารมณ์ และระมัดระวังในการเคลื่อนไหวเพื่อลดแรงกดดัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ โดยไม่ควรใช้อำนาจทหารเข้าไปกดดันฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย อย่างไรก็ตาม นายเจริญ ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาจากทุกฝ่าย
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณ ภูมะเขือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ เป็นเหตุให้มีชาวบ้านและทหารไทยเสียชีวิต ว่า พรรคเพื่อไทยเข้าใจถึงความจำเป็นในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของทหาร และจะไม่ก้าวล่วงการทำงานเพื่อรักษาความมั่นคงของกองทัพ แต่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบความปลอดภัยของราษฎรมากกว่านี้ โดยต้องมีมาตรการด้านการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้ขึ้นอีก นอกจากนี้ รัฐบาลควรเร่งเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาข้อยุติจากปัญหาข้อพิพาทที่เริ่มบานปลายและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น
“หากยังปล่อยปละละเลยและตั้งใจเล่นการเมืองมากเกินไป คิดแต่จะใช้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้แสวงประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องโดยขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อประเทศชาติและประชาชน ความหวังที่จะพบกับความสำเร็จในการยุติข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยการเจรจา ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดก็จะลดลงไปเรื่อยๆ และหากรัฐบาลยังคงยืนยันที่จะยึดแนวทางในการแก้ไขปัญหาแบบที่ผ่านมา โดยไม่ฟังคำเตือนและคำแนะนำจากทุกฝ่าย เช่น ฝ่ายค้าน นักวิชาการ สื่อมวลชนที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาด้วยการเจรจามากกว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศเดินทางไปเจรจากับผู้นำกัมพูชาด้วยตัวเอง จะลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้และไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม แทนการให้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเคยพิพาททางวาจากับผู้นำกัมพูชาไปทำหน้าที่ตัวแทนคนไทย เพราะเห็นได้จากการเจรจากับกัมพูชาในตอนกลางวัน แต่ตกบ่ายก็เกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้น ดังนั้นรัฐบาลควรสนใจเรื่องนี้ให้เหมือนสมัยที่เคยเป็นฝ่ายค้าน ทั้งนี้ประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร จะเดินทางไปในพื้นที่จุดปะทะเพื่อตรวจสอบแผนการอพยพและช่วยเหลือราษฎร ในวันที่ 6 ก.พ. เวลา 10.00 น. จากนั้นจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมกรรมาธิการการทหาร ที่สภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดี ที่ 10 ก.พ. นี้.
นายวิบูลย์ สวงนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ว่า ทางกระทรวงฯ ได้มีการประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ตลอด เพื่อดูแลและให้การช่วยเหลือ โดยสำหรับกรณีผู้เสียชีวิตนั้นจะมอบเงินช่วยเหลือ ซึ่งหากเป็นหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต จะได้รับ 50,000 หมื่นบาท และบุคคลทั่วไป 25,000 บาท ส่วนบ้านที่เสียหายทั้งหลัง จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 30,000 บาท เสียหายบางส่วน 20,000 หมื่นบาท ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวนั้นเป็นการช่วยเหลือตามระเบียบอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยืนยันว่า ทางหน่วยงานต่างๆ นั้น ได้มีพยายามและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ โดยได้เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือไว้พร้อมแล้ว ซึ่งหากได้รับการประสาน ก็สามารถให้การช่วยเหลือได้ทันที ล่าสุดเตรียมนำถุงยังชีพ จำนวน 5,000 ถุง ไปแจกจ่ายแล้ว ส่วนสภาพอากาศที่หนาวเย็นในตอนกลางคืนนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการประสานเพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องเครื่องนุ่งห่มกันหนาว เนื่องจาก ชาวบ้านส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน