
"กษิต"เยี่ยมทหารบูรพาก่อนถกเขมร
รองนายกฯมั่นคง เชื่อกษิตถก เจบีซีเขมร สื่อสารถึง ฮุนเซน หาทางช่วย วีระ-ราตรี กลับบ้าน สุเทพ ปัดตร. รวบ การุณ ไม่เกี่ยวชุมนุม พธม. ขับไล่ รบ. งง พธม. โกรธ เขมร ที่ไม่ปล่อย 2 คนไทย จึงประกาศยกระดับชุมนุม แต่กลับมาไล่ขีดเส้นตา
(3ก.พ.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 ที่เสียมเรียบ ในระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.นี้ ว่า ในการเดินทางครั้งนี้ ตนและคณะได้เดินทางไปทางรถยนต์จะแวะไปหารืแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพาที่รักษาความสงบตามแนวชายแดน รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทาง ซึ่งเป็นถนนที่ไทยให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ในการก่อสร้างถนนเชื่อมภูมิภาคในอาเซียน นอกจากนี้ ยังสำรวจเส้นทางความเป็นไปได้ ในการสานต่อการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างจังหวัดสระแก้วกับกัมพูชา
มีรายงานว่า ในการเดินทางไปร่วมประชุมเจซีครั้งนี้ นายกษิตได้เดินทางรถยนต์ข้ามไปยังกัมพูชา โดยผ่านด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว อีกทั้งในโอกาสนี้ นายกษิตจะหารือนอกรอบกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ เกี่ยวกับปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. อาทิ การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่ได้เป็นประเด็นถกเถียงที่สุ่มเสียงต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รวมทั้งใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศมากขึ้น
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ และตลาดโรงเกลือ ยังคงอยู่ในความเงียบเหงา นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางออกไปฝั่งกัมพูชา น้อยมาก และพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาเปิดร้านค้าในตลาดโรงเกลือ เพียง แค่ 30 % เท่านั้น ทำให้บรรยากาศการค้าและการท่องเที่ยวตกอยู่ในสภาพเหงาหงอย
บรรยากาศการค้าชายแดนศรีษะเกษเงียบ
จากกรณีพิพาทและการเคลื่อนกำลังพลพร้อม รถถัง รถหุ้มเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์อาวุธปืนนานาชนิด เข้ามาตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาของทหารไทยและกัมพูชานั้น ส่งผลให้บรรยากาศการค้าชายแดนไทยกัมพูชา ที่จุดผ่านแดนถาวร ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เงียบเหงา ผู้คนที่เดินทางมาจับจ่ายลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
แม่ค้าชาวกัมพูชารายหนึ่งบอกว่า ในวันเปิดตลาดนัดครั้งนี้ มีชาวกัมพูชาข้ามแดนเข้าฝั่งไทยประมาณ 80-90 คน หากอยู่ในช่วงสถานการณ์ปรกติมีประชาชนกัมพูชาข้ามแดนอยู่ที่ประมาณวันละ 600-700 คน ส่วนพ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทยหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง จากที่เคยมีพ่อค้าแม่ค้าตลาดฝั่งไทยร่วม 50 ร้าน แต่วันนี้หายไปเกือบครึ่ง ส่วนใหญ่บอกว่ายังไม่ไว้ใจสถานการณ์ เพราะเกรงว่าจะเกิดความรุนแรง ทำให้ไม่กล้าออกจากบ้านข้ามพรมแดนมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จุดผ่านแดนถาวร ช่องสะงำ
นายเซ็ง รา ชาวบ้านสระแอม อำเภอตะเปียงปราสาท จังหวัดพระวิหาร กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องการตรึงกำลังของทหารไทยและกัมพูชาแต่อย่างใดเพราะประชาชนทั้ง 2 ประเทศต่างเป็นพี่เป็นน้องกัน ไปมาหาสู่กันอย่างมีความสุข ช่วยเหลือกันด้วยดีมาโดยตลอด ส่วนเรื่องการตรึงกำลังของทหารทั้งสองฝ่ายมองว่า เป็นหน้าที่ของทหารที่ต้องปฏิบัติในการดูแลประเทศชาติให้สงบสุข นอกจากนี้ยังต้องการให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เร่งร่วมกันแก้ปัญหา ของทั้งสองประเทศ
นายคูณ คงตางาม ที่ปรึกษาตลาดการค้าชายแดนไทยกัมพูชา กล่าวว่า ความเงียบเหงาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน มีสาเหตุมาจากในวันนี้เป็นวันตรุษจีนของชาวกัมพูชาเชื้อสายจีน อาจทำให้ผู้คนมาจับจ่ายลดลง และการตรึงกำลังทหารทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดนหลังจากกรณีพิพาท ทำให้มีการเคลื่อนกำลังพล พร้อมรถถัง รถหุ้มเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์ อาวุธปืนนานาชนิด ทำให้ส่งผลกระทบต่อการค้า เศรษฐกิจ และสังคมตามแนวชายแดน
"เทือก"เชื่อ"กษิต"ถกกัมพูชาราบรื่น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า นายกษิตเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างอย่างดีเยี่ยมตั้งแต่แรก และมั่นใจว่านายกษิตจะสามารถสื่อสารให้ผู้นำกัมพูชาได้เข้าใจ ความเป็นจริงว่าประเทศไทยต้องการอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีสันติไม่ได้ต้องการสู้รบให้เกิดปัญหาและในการแก้ไขปัญหาต้องใช้ความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย
ส่วนคดีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พรพิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องแยกออกจากการเจรจาเพราะถือว่าอยู่ในกระบวนการของศาล เมื่อสิ้นสุดกระบวนการศาลแล้ว เจ้าตัวและญาติสามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ ในขณะที่รัฐบาลคงจะดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งต้องรอดูผลคดีให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเสียก่อน เพราะยังไม่ทราบว่าเจ้าตัวจะสู้คดีถึงที่สุดแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายการุณ ใสงาม ทีมทนายความเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ในข้อหาบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิจะยิ่งทำให้การชุมนุมของกลุ่มพธม. รุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนยังไมได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่คิดว่าการจับกุมเป็นไปตามหมายจับที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหาคดียึดสนามบินส่วนใหญ่ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว แต่มีอยู่ประมาณ 7 รายที่ไม่ยอมมอบตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องออกหมายจับเมื่อพบตัวก็ต้องดำเนินการจับกุม กลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องแยกแยะให้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร คนที่ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมต้องมีเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับกุมนายการุณครั้งนี้ เป็นเพราะไปร่วมการเคลื่อนไหวกับกลุ่มพธม.ใช่หรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน โยงผิดเรื่องแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการระบุว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่พิพาท ศาลกัมพูชาไม่มีสิทธิที่จะตัดสินพิพากษาใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถวิจารณ์เรื่องนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไทยจะหยิบยกประเด็นนี้ไปต่อสู้คดีได้หรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่เคยได้ฟังประเด็นนี้มาก่อน
ส่วนที่กลุ่มพธม.ประกาศยกระดับการชุมนุมและขีดเส้นตาย ให้รัฐบาลดำเนินการนำตัวคนไทยกลับมาโดยไม่มีมลทินภายใน 3 วันนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า มันก็เป็นเรื่องแปลกต้องถามว่าผู้ชุมนุมเขาโกรธใคร โกรธกัมพูชาที่ไม่ยอมปล่อยคนไทย แล้วมาขับไล่รัฐบาลไทย หรือว่ามาชุมนุมเพราะว่าไม่พอใจที่รัฐบาลไม่ช่วยเหลือมันก็ไม่ใช่ เพราะรัฐบาลก็ดำเนินการมาตามลำดับขั้นตอน ทุกคนทุกฝ่ายก็ทราบกันดีอยู่แล้ว การประกาศยกระดับการชุมนุมนั้นตนไม่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ในทางตรงกันข้ามหากมาปรึกษาหารือกัน ว่าจะช่วยกันอย่างไรให้เหตุการณ์คลี่คลาย คนไทยทั้ง 2 คนได้กลับบ้านน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่าการที่กลุ่มพธม.ประกาศยกระดับการชุมนุม ไม่มีความหมายอะไรกับรัฐบาลใช่หรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อย่าพูดว่าไม่มีความหมายเลย เดี๋ยวเขาก็ทำให้มีความหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ช่องทางการเจรจายังไม่มีอะไรคืบหน้า ยังเป็นช่องทางที่เหนื่อยอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล และผลักดันผุ้ชมุนนโดยการใช้แก๊สน้ำตา เป็นการส่งสัญญาณอะไรไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร เป็นหน้าที่ของ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ซึ่งมีหน้าที่รักษาทำเนียบรัฐบาลไม่ให้ใครเข้ามาบุกรุกจึงต้องให้เจ้าหน้าที่มีความพร้อม ในการดูแลรักษาความสงบอยู่เสมอ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่นั้นตนได้ย้ำกับทางผบช.น.ว่า แม้จะมีภาระที่กำลังเจ้าหน้าที่จะต้องมาดูแลรักษาทำเนียบฯ รัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูต แต่งานหลักจะต้องทำต่อไป ไม่ให้เสียหาย ซึ่งตนก็เห็นใจเพราะกำลังเจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด ทั้งนี้การปรับกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์วันต่อวัน และรัฐบาลก็พยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม