
โรคหน่ายสังคม
การประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านพ้นไปด้วยความน่าเบื่อหน่ายเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา
เพราะประเด็นที่ผู้นำการเมืองและผู้นำธุรกิจระดับโลกราว 2,500 คนต่างหารือกันล้วนแต่เป็นประเด็นซ้ำซากที่แก้ไม่เคยตกสักที ทั้งปัญหาโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาค่าเงินยูโร หรือการหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น
ผิดกับการประชุมคู่ขนานของบรรดานักวิชาการระดับหัวกะทิที่เรียกความฮือฮาได้มากกว่าเมื่อมีการเตือนว่าผู้คนในยุคสมัยนี้ป่วยเป็นโรคใหม่นั่นก็คือโรคเบื่อหน่ายสังคมมากขึ้นควบคู่ไปกับโรคเครียด จากผลของการขลุกอยู่กับปัญหาเศรษฐกิจรัดตัว แถมยังเผชิญกับเทคโนโลยีสื่อสารยุคใหม่ที่สามารถติดต่อกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนไม่มีเวลาสำหรับตัวเองสักที
นายไฮน์ซ ชูพแบค ผู้อำนวยการคณะจิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ให้ความเห็นว่า ปรากฏการณ์นี้เริ่มเห็นชัดมากขึ้นจากผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่สุดรายหนึ่งของเยอรมนีที่พบว่าพนักงานในเยอรมนี 1 ใน 5 คน ล้มป่วยเพราะความเครียดจากการทำงาน แถมยังไม่ค่อยยอมลางาน แม้จะเจ็บไข้ได้ป่วยสักแค่ไหนก็ตาม เพราะเกรงจะถูกนายจ้างใจร้ายบอกเลิกจ้างงานได้ง่ายๆ
ผลศึกษาของบริษัทประกันสุขภาพแห่งนี้ยังแสดงให้เห็นว่ายอดขายยาต้านอาการซึมเศร้าในเมืองเบียร์ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 40% พอๆ กับที่แดนตราไก่ฝรั่งเศสซึ่งคนมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นจนต้องพึ่งยาบำบัด
นายชูพแบคยังได้กล่าวโทษเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่รวมทั้งวัฒนธรรมการทำงานหามรุ่งหามค่ำตลอด 24 ชั่วโมงว่าเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สังคมเต็มไปด้วยผู้คนที่เกิดอาการเครียดและเบื่อหน่ายสังคม จนอาจเป็นชนวนของการต่อต้านสังคม หรือเกิดคลั่งอาละวาดทำร้ายคนอื่นหรือคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย
"ทุกวันนี้ ไม่สำคัญอีกแล้วว่าคุณจะทำงานจากที่ไหน แต่ก็ต้องทำให้ทันเส้นตายที่กำหนดไว้ เมื่อก่อนผมเคยกลับบ้านตอน 17.00 น. ถึงจะทำงานค้างอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ขณะนี้ คุณต้องทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง"
ขณะที่นายโทนี บรูห์แลม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเครียดแห่งโอเนกก์ คลินิก ในสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่าแม้โดยทางการแล้ว อาการเบื่อหน่ายจะไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรค แต่นับวันกลับมีผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องเข้ารับการรักษาโรค จากสาเหตุเรื่องนี้
"เศรษฐกิจมีผลกระทบต่อสังคมมากทีเดียว ไม่ว่าจะกระทบต่อการทำงาน หรือเงิน ทั้งหมดนี้มาจากการที่คนให้ความสำคัญมากเกินไป" นายบรูห์แลมย้ำ
ใครจะเอากระพรวนไปผูกคอนายจ้างล่ะ