ตำรวจผวา"บีบีกัน"ดัดแปลงเป็น..ปืนจริง

 เลเซอร์ กล้อง หากมองผิวเผินแล้วปืนบีบีกันจะดูคล้ายอาวุธปืนของจริงจนแทบแยกกันไม่ออก และล่าสุดยังมีคนร้ายนำปืนบีบีกันที่ผ่านการโมดิฟายแล้วมาใช้เป็นอาวุธในการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ด้วย

 นายตำรวจ ยศ พ.ต.ท. ผู้ชำนาญงานสืบสวนและปราบปรามจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสายสืบหรือตำรวจสายปราบปรามค่อนข้างที่จะผวาอาวุธปืนบีบีกัน ไม่ว่าจะช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน หากพบเห็นแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นปืนจริงหรือปืนบีบีกัน เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาผลลัพธ์ก็อาจไม่คุ้มกัน นอกจากนี้ กลุ่มคนบางกลุ่ม หรือกลุ่มวัยรุ่นมักลงสนามฝึกซ้อมบีบีกันเกือบทุกวัน ยิ่งทำให้มีทักษะการหลบซ่อน การโผหลบ การหลอกล่อ เรียกง่ายๆ ว่า รู้ยุทธวิธีกว่าตำรวจที่ไม่ค่อยได้ฝึกซ้อมเสียอีก เพราะฉะนั้นเวลาเกิดเหตุค่อนข้างลำบากอาจมีวัยรุ่นใช้ปืนบีบีกันในการก่อเหตุก็ได้

 "ที่สำคัญ เชื่อว่าอาวุธปืนบีบีกันสามารถดัดแปลงให้ใช้งานจริงได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ในอดีตกลุ่มนักเรียนยังสามารถเอาเหล็กมาหล่อดัดแปลงเป็นปืนปากกา มีด้ามกระทุ้งเหมือนเข็มแทงชนวนให้แทนอาวุธปืนลูกซองขนาด.22 มิลลิเมตรได้ นอกจากนี้ที่ผ่านมาเคยจับกุมการ์ดที่มาร่วมชุมนุมทางการเมือง ยังดัดแปลงท่อนเหล็กทรงกลม ให้สามารถบรรจุกระสุนเบอร์ 12 ได้เลย ก็เป็นไปได้ที่จะมีการคิดดัดแปลงปืนบีบีกันให้ใช้งานได้เหมือนอาวุธปืนจริงๆ" นายตำรวจ ยศ พ.ต.ท.มั่นใจสมองคนไทยที่สามารถดัดแปลงสิ่งต่างๆ ได้

 ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ระบุถึงปัญหาของปืนบีบีกันที่อาจนำไปใช้ก่ออาชญากรรมว่า แม้ว่าปืนบีบีกันจะเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน แต่ก็มีการตรวจตราอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการพกพาหรือการขาย แต่ถึงกระนั้นกฎหมายก็ยังชี้ชัดว่าปืนอัดลมนั้นเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน ซึ่งต้องดูด้วยว่าเจตนาที่เอาไปใช้นั้นเอาไปใช้ทำอะไร อย่างเช่น พกปืนไปปล้นนั้นก็เข้าข่ายการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยเช่นกัน ต้องดูที่เจตนาเป็นสำคัญ

 ส่วนสถิติอาชญากรรมที่เกิดจากการใช้ปืนบีบีกันนั้น พล.ต.ต.วรศักดิ์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังไม่มีสถิติรวบรวมไว้เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมด้วยปืนบีบีกัน อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ไม่ถือว่าปืนอัดลมเป็นสิ่งเทียมอาวุธ กฎหมายยังคงเห็นว่าเป็นของเล่นจึงไม่มีการกวาดล้าง หรือจับกุมแต่อย่างไร

 "ลำพังชิ้นส่วนของปืนบีบีก็ไม่ใช่อาวุธปืน เพราะชิ้นส่วนของปืนบีบีไม่อาจทำให้ผู้ที่พบเห็นหลงเชื่อว่าเป็นอาวุธปืน คำนิยามของคำว่า สิ่งเทียมอาวุธปืนจะแตกต่างจากนิยามของคำว่า "อาวุธปืน" ที่กฎหมายให้ความหมายรวมถึงว่า เพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ก็ให้ถือเป็นอาวุธปืนด้วย" พล.ต.ต.วรศักดิ์ ระบุ

  "โอ๊ต" เจ้าของสนามบีบีกันย่านรามอินทรา มองว่า ปัจจุบันแทบแยกไม่ออกระหว่างปืนจริงกับปืนบีบีกัน เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตปืนบีบีกันนั้นก๊อบปี้ได้เหมือนมากทั้งรูปร่างและน้ำหนักในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 และหากผ่านการโมดิฟายด้วยการติดกล้องเพิ่มแรงในการยิงได้อีกด้วย

 "หากต้องการจะป้องกันปัญหาเรื่องการก่ออาชญากรรมด้วยการนำเอาปืนบีบีกันไปก่อเหตุนั้น ไม่อยากให้ไปจำกัดในเรื่องของอุปกรณ์เลย เพราะควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้เป็นไปได้ยาก เพราะมีการนำเข้ามาเป็นชิ้นส่วนและนำมาประกอบภายหลัง ซึ่งไม่น่าจะจดทะเบียนปืนเหล่านี้ได้ การควบคุมควรจะมุ่งไปที่คนพกอุปกรณ์กีฬาประเภทนี้เป็นรายบุคคล โดยให้ไปแจ้งความจำนงต่อเจ้าหน้าที่และพิจารณาออกใบอนุญาตดีกว่า" โอ๊ตแนะนำ 

 ขณะที่ ไตรสิทธิ์ เชาว์ธนกิจติ์ เจ้าหน้าที่สนามบีบีกันทับช้าง มองเรื่องการควบคุมปืนบีบีกันทำได้ยาก เพราะปัจจุบันอุปกรณ์ปืนบีบีกันมีราคาถูกเริ่มตั้งแต่ 2,000 บาทจนถึงหลักหมื่นบาท ขณะที่กลุ่มคนที่นิยมบีบีกันมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มลูกค้าที่ซื้อปืนไว้เพื่อการกีฬา และกลุ่มที่ซื้อปืนบีบีกันไว้เพื่อยิงนกหรืออะไรต่างๆ นานา

 "ลูกค้ากลุ่มแรกผมมั่นใจว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้รู้จักกติกามารยาท รู้ว่าเล่นกีฬาอย่างไร ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดอันตราย อย่างที่ สนามที่ผมทำงานอยู่ หรือสนามอื่นๆ จะมีการตรวจปืนที่ใช้ลงเล่นว่ามีความแรงไม่เกิน 400 ฟุตต่อวินาที หากตรวจพบว่าเกินกว่านั้นจะไม่ให้เอาปืนกระบอกนั้นลงสนามเด็ดขาด ทั้งนี้หากความแรงของปืนแรงมากกว่านี้ถึงแม้จะยืนห่าง 10 เมตรก็ทำให้กระสุนฝังในร่างกายได้ หรืออาจถูกดวงตาก็สามารถทำให้ตาบอดได้ ส่วนลูกค้ากลุ่มที่สองนั้นมักจะโมดิฟายให้ปืนมีความแรง ซึ่งเป็นอันตรายมากหากนำไปใช้ไม่ถูกวิธี อย่างไรก็ตาม ปืนบีบีกันไม่สามารถจะนำไปดัดแปลงให้เสมือนปืนจริงได้เนื่องจากกรรมวิธีการผลิตนั้น คุณภาพนั้นไม่ถึงขั้นผลิตเป็นอาวุธ" ไตรสิทธิ์ระบุ