
สื่อตีข่าวเขมรโชว์รถถังประชิดแดนไทย
สื่อเขมรโชว์ขบวนรถถัง รถหุ้มเกราะ กองทัพกัมพูชาขณะเคลื่อนทัพเข้าประชิดชายแดนไทยด้านติดจ.ศรีษะเกษ และ จ.สุรินทร์ ชาวเขมรแตกตื่น ซื้อ น.ส.พ.เขมรมาดูวิจารณ์แซดไทย-เขมรจะเข้าสู่สงครามอีกแล้ว ด้านนายกฯ เผย พร้อมถกพธม.เพื่อหาทางออกเรื่องกัมพูชา ระบุ สั่งตรวจสอบ
(30ม.ค.) เวลา 12.00 น. ชาวเขมรในตลาดปอยเปต ประเทศกัมพูชา เริ่มแตกตื่นอีกครั้งเมื่อหนังสือพิมพ์กัมพูชาทะมัย ฉบับประจำวันที่ 30 ม.ค. 54 ซึ่งส่งมาจำหน่ายในตลาดปอยเปต ได้ลงภาพขบวนทัพรถถัง และรถหุ้มเกราะ ของกองทัพกัมพูชา จำนวน 2 ภาพใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฯ โดยภาพแรกเป็นภาพขบวนรถหุ้มเกราะล้อยาง หรือ V-150 ติดธงชาติกัมพูชา โดยมีทหารกัมพูชาโบกมืออยู่บนรถ และขบวนรถถังติดเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่น BM-21 โดยได้บรรยายใต้ภาพแรกว่า”เคลื่อนทัพไปป้องกันชายแดนไม่ยอมสูญเสียแม้ 1 มิลลิเมตร” และภาพที่สองบรรยายใต้ภาพว่า” เตรียมต่อสู้กับผู้รุกราน”
น.ส.พ.กัมพูชาทะมัย ได้รายงานข่าวว่ากองทัพกัมพูชามีความพร้อมที่จะสู้รบกับผู้รุกรานแล้ว 100% โดยโอ้อวดว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำรถถังทุกคัน ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีประสบการณ์จากสงครามภายในประเทศมาแล้ว นอกจากนี้บางส่วนยังได้รับการฝึกมาจากต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ น.ส.พ.กัมพูชาทะมัย ยังกล่าวอ้างอีกว่ากองทัพรถถังของกัมพูชา ได้เคลื่อนทัพมาจากศูนย์ฝึกรถถัง จ.กัมปงชะนัง ทางทิศตะวันตก ของกรุงพนมเปญ เพื่อไปป้องกันเขตแดนด้านชายแดนปราสาทพระวิหาร
จากข่าวหนังสือพิมพ์ฯดังกล่าวทำให้ชาวเขมรในตลาดปอยเปต ต่างไปหาซื้อมาอ่านกันอย่างตื่นเต้นทำให้ น.ส.พ.ขายหมดในเวลาเพียง 1 ชม. ทำให้ชาวเขมรซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย ต่างตื่นตกใจกันมากที่กัมพูชาแสดงท่าทีเตรียมสู้รบเต็มที่กับประเทศไทย โดยมีการวิจารณ์กันอย่างแพร่หลายมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ส่วนชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ต่างหวั่นวิตกเกรงปัญหาบานปลายและนำไปสู่การปิดด่านชายแดน จะทำให้ชาวเขมรไม่สามารถเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ จากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า ขณะนี้ กำลังตรวจสอบเรื่องการติดธงบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ต้องประสานให้ปลดออก เพราะพื้นที่ดังกล่าว ยังเป็นข้อพิพาทกันอยู่ ส่วนกรณีกลุ่มพันธมิตรฯให้ยกเลิก MOU 2543 นั้น ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยัน การทำ MOU เป็นไปตามหลักสากล เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน ซึ่งไม่ใช่ตัวกำหนดหลักเขตแดน และไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบเรื่องการแก้ปัญหาเขตแดน ส่วนกรณีที่กัมพูชายึดหลักแผนที่ 1:200,000 ไทยก็ได้พยายามคัดค้านและทำหนังสือไม่ยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยัน กัมพูชายังไม่สามารถเสนอแผนจัดการพื้นที่ได้ เพราะยังมี MOU กับไทย พร้อมย้ำรัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย โดยหลายประเทศมีความเข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น หลังตนและรัฐบาลได้พยายามชี้แจงต่อนานาประเทศ แต่หากไทยยกเลิก MOU เชื่อว่า ในเดือน มิ.ย. นี้ จะเป็นการปล่อยให้กัมพูชา ผลักดันแผนต่อคณะกรรมการมรดกโลกได้ และยังสามารถผลักดันเรื่องอื่นได้ เพราะไม่มีข้อผูกพันธ์กับไทยแล้ว ส่วนการผลักดันชาวกัมพูชาบริเวณพื้นที่ข้อพิพาทนั้น เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา แต่ยืนยันแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ แม้จะเห็นต่างกันด้านเทคนิค ทั้งนี้ ตนยินดีพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ และเปิดใจกว้างเพื่อปรับความเข้าใจกัน
นอกจากนี้ โดย นายกฯ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐสภาได้ผ่านความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 แล้ว หลังจากนั้น จะมีการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 11 ก.พ. โดยการขานชื่อที่ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อบังคับใช้ได้ ย้ำ หากบ้านเมืองกลับเข้าสูความสงบ ถึงแม้จะมีการชุมนุม แต่ต้องเป็นการชุมนุมที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย รัฐบาลก็พร้อมคืนอำนาจให้ประชาชน