
"หลวงตามหาบัว"ละสังขารอย่างสงบ
"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ละสังขารเมื่อเวลา 03.53 น. ภายในห้องปลอดเชื้อกุฎิหลวงตา รวมศิริอายุ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 77 พรรษา
(30ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก วัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ละสังขารเมื่อเวลา 03.53 น. ภายในห้องปลอดเชื้อกุฎิหลวงตา โดยมี ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เฝ้าดูอาการพร้อมคณะแพทย์และลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด ร่างหลวงตาถูกเคลื่อนจากห้องปลอดเชื้อ เข้าไปอยู่ห้องข้างๆซึ่งเป็นห้องพักของหลวงตา โดยมีกำหนดจะประกอบพิธี หลังจากพระฉันภัตราหารเช้าแล้ว
ขณะนี้ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จกลับมาประทับอยู่เรือนรับรองในวัดป่าบ้านตาด เพื่อรอทรงบาตร ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลกันมาที่วัดเป็นจำนวนมาก บางส่วนซึ่งเป็นญาติและศิษย์ที่ใกล้ชิด ได้เข้าไปกราบหลวงตาภายในห้องที่กุฎิ ขณะญาติบางส่วนพากันนั่งอยู่บริเวณรอบๆข้างกุฎิ เพื่อรอรับการเคลื่อนศพของหลวงตามหาบัว
ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลาเล็กภายในวัดป่าบ้านตาด หลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี,พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และ นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวถึงอาการอาพาธของหลวงตา ท่ามกลางศิษยานุศิษย์และสื่อมวลชนจำนวนมาก
นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เปิดเผยว่า คำชี้แจงคณะแพทย์ วันที่ 30 มกราคม เวลา 02.49 น.หลวงตามีอาการทรุดลง อยู่ในภาวะวิกฤติ ระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลง ตรวจพบสมองหยุดทำงาน เวลา 03.25 น. ตรวจพบม่านตาขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า เวลา 03.40 น. ชีพจร 54 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/49 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.50 น. ชีพจร 49 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/16 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.53 นาที หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบทั่วกัน
พระครูอรรถกิจ นนทคุณ กล่าวว่า จากที่คณะแพทย์แถลงไปแล้ว คณะสงฆ์เริ่มแน่ใจว่าหลวงตาจะนิพพาน เมื่อคณะแพทย์ตรวจดูที่สมองจนแน่ใจว่าสมองหยุดทำงาน พระสงฆ์ได้มารวมกันและเข้าที่ภาวนาอย่างสงบกันตั้งแต่ 02.49 น. เมื่อพบว่าหัวใจหยุดทำงานและไม่หายใจ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก็ได้ประกาศให้ทราบทั่วกันที่เวลา 03.53 น.และได้ทรงกราบทูลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมศิริอายุ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 77 พรรษา
การปฏิบัติต่อร่างหลวงตาเสร็จ ได้เชิญร่างหลวงตาเข้าไว้ในห้อง เป็นห้องที่หลวงตาพักปกติเมื่อหลวงตายังไม่อาพาธ เมื่อสว่างก็ได้อนุญาตให้ญาติสนิทเข้าไปสักการะ พระสงฆ์ในวัดได้ออกบิณฑบาตตามปกติ เมื่อฉันอาหารเสร็จเวลา 09.00 น. ได้นัดกันเข้าไปทำพิธีสักการะหลวงตาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะนิมนต์หลวงตามาที่ชั้น 2 ศาลาหลังเก่าดั่งเดิมซึ่งหลวงตาได้สร้างตั้งแต่มาอยู่วัดป่าบ้านตาด เพื่อให้พี่น้องประชาชนสักการะพอสมควร จึงจะนิมนต์หลวงตาเข้าหีบธรรมดาตามปกติ
เมื่อบรรจุหีบเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเชิญร่างหลวงตาไปที่ศาลาใหญ่ข้างนอกในภายหลัง ทางบ้านเมืองจะถวายเกียรติยศอะไรก็ค่อยว่ากันภายหลัง ส่วนพิธีถวายน้ำต่อองค์หลวงตา ก็จะใช้วิธีโยงสายสิญจน์จากเท้าของหลวงตา ไปให้ประชาชนได้ถวายน้ำสงฆ์ พระหลวงตาสูงสุดต่อพระสงฆ์และพี่น้องประชาชน
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากหลวงตามหาบัวละสังขาร ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงโทรศัพท์กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบ ซึ่งสมเด็จพระราชินีฯจะได้ส่งผู้แทนพระองค์ เดินทางมาที่วัดป่าบ้านตาดในช่วงสายของวันนี้ เพื่อร่วมประชุมกันระหว่าง ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี,ผู้แทนพระองค์,คณะสงฆ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อประชุมหารือหมายกำหนดการณ์ต่อไป ซึ่งทางจังหวัดมีความพร้อม จะทำตามที่ประชุมมีมติทันที
ทั้งนี้หลวงตามหาบัวเข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลศิริราช มาตั้งแต่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามคำนิมนต์ของแพทย์โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ให้การรักษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเดินทางกลับมาพักรักษาตัวที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 3 มกราคม
สำหรับ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นั้น นาม บัว โลหิตดี ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน๙ ปีฉลู ณ บ้านตาด อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี บิดา นายทองดี โลหิตดี มารดา นางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน สถานภาพ
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวงคู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้" เคารพพระวินัย ด้วยเดิมมีนิสัยจริงจัง จึงบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ และตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ่อย่างเคร่งครัด ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้ เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน
หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง เดี๋ยวองค์นั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในป่า เดี๋ยวองค์นี้สำเร็จในเขา ในเงื้อมผาในที่สงบสงัด ท่านก็เกิดความเชื่อเลื่อมใสขึ้นมา อยากจะเป็นพระอรหันต์ พ้นจากทุกข์ทั้งปวงในชาตินี้อย่างพระสาวกท่านบ้าง สงสัย ช่วงเรียนปริยัติอยู่นี้ มีความลังเลสงสัยในใจว่า หากท่านดำเนินและปฏิบัติตามพระสาวกเหล่านั้นจะบรรลุถึงจุดที่พระสาวกท่านบรรลุหรือไม่ และบัดนี้จะยังมีมรรคผลนิพพานอยู่ เหมือนในครั้งพุทธกาลหรือไม่ ตั้งสัจจะ ด้วยความมุ่งมั่นอยากเป็นพระอรหันต์บ้าง ท่านจึงตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ ๓ ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ ๗ พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ต่อมา ได้กลายเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ออกปฏิบัติ เมื่อเรียนจบมหาเปรียญแล้ว แม้จะมีพระมหาเถระในกรุงเทพฯ สนับสนุนให้ท่านเรียนต่อในชั้นสูง ๆ ขึ้นไปก็ตาม แต่ด้วยท่านเป็นคนรักคำสัตย์ยิ่งกว่าชีวิต ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ท่านจึงเข้ากราบลาพระผู้ใหญ่ และออกปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง โดยมุ่งหน้าไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่ อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ ๘ ของการบวช พากเพียร ท่านเร่งความเพียรตลอดทั้งพรรษา ไม่ทำการงานอื่นใดทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิภาวนา-เดินจงกรมอย่างเดียวทั้งวันทั้งคืน จนจิตได้รับความสงบจากสมาธิธรรม มุ่งมั่น แม้พระเถระผู้ใหญ่ท่านอุตส่าห์เมตตาตามมาสั่งให้กลับเข้าเรียนบาลีต่อที่กรุงเทพฯอีก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ที่จะพ้นทุกข์ให้ได้ภายในชาตินี้ ท่านจึงหาโอกาสปลีกตัวออกปฏิบัติได้อีกวาระหนึ่ง จิตเสื่อม
จากนั้นท่านกลับไปบ้านเกิดของท่าน เพื่อทำกลดไว้ใช้ในการออกวิเวกตามป่าเขาจิตที่เคยสงบร่มเย็น จึงกลับเริ่มเสื่อมลง ๆ เพราะเหตุที่ทำกลดคันนี้นี่เอง เสาะหา..อาจารย์ เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๕ เดินทางไปขออยู่ศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เหตุการณ์บังเอิญกุฏิที่พักเพิ่งจะว่างลงพอดี ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเมตตารับไว้ และเทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ
ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ ปริยัติ..ไม่เพียงพอ จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญมากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้ได้ แต่กลับจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะอดจะเป็นกังวล และนำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียงไม่ได้ในขณะที่ทำใจให้สงบ และยังจะกลายเป็นสัญญาอารมณ์ คาดคะเนไปที่อื่น จนกลายเป็นคนไม่มีหลักได้ ดังนั้น เพื่อให้สะดวกในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามา ประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท
การศึกษาและปฏิบัติ ท่านได้ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จนกระทั่งหลวงปู่มั่นมรณภาพเป็นระยะเวลา ๘ ปี และถึงที่สุดแห่งธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร
ประวัติศาสตร์ช่วยชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวันเปิดโครงการช่วยชาติ โดยมีเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เสด็จไปเป็นประธานเปิดที่สวนแสงธรรม หลวงตาพูดว่า "(เวลานี้) น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ในเมืองไทยของเรา ที่ว่าพระเป็นผู้นำนี่ไม่เคยมีนะ เริ่มมีหลวงตาบัวคนเดียวนี้แหละออกประกาศตนทีเดียว โดยไม่มีใครชักชวน ไม่มีโครบอกเล่า ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาชักชวนเอง ดูสภาพของเมืองไทยแล้วพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างคนต่างมีความทุกข์ร้อนทุกหย่อมหญ้ากันไปโดยลำดับลำดาไม่ว่าสถานที่ใด ก็ทนใจอยู่ไม่ได้ จึงต้องออกความคิด ความเห็นในแง่ต่าง ๆ ที่จะนำชาติไทยของเราให้เป็นไปด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย หาทางใดก็ไม่เจอ ตามความสามารถความคิดอ่านของตัวเอง หาแล้วหาเล่า หาไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องเอาหลวงตาบัวเป็นตัวประกัน นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อจะบริจาคทรัพย์ที่มีอยู่ของตนเข้าช่วยชาติของเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ นี้แหละเริ่มต้นเหตุเป็นอย่างนี้จึงได้ออกประกาศตน"