ข่าว

 รู้เมื่อสาย

รู้เมื่อสาย

30 ม.ค. 2554

วันก่อนนั่งดูเล็บตัวเองเห็นยาวเลยพยายามจะหากรรไกรตัด แต่ปรากฏว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนหัวเสีย หงุดหงิดไปพักใหญ่ๆ

แม้จะจำได้ว่าเพิ่งตัดไปหยกๆ ก็ตาม แต่ผมก็นึกไม่ออกสักทีว่าไปวางตรงไหน ไม่อยากจะโทษว่าเก็บไว้แล้ว แต่คนอื่นมาใช้ แล้วทำหาย เพราะคงไม่ดี 

จนที่สุด เลยตัดใจไปหาซื้อใหม่ เพราะทนสภาพเล็บไม่ได้ แต่งานนี้พอตัดเสร็จ ผมเก็บไว้เข้าที่เลย พร้อมกับมีสติสุดๆ จดจำไว้ด้วย กะว่างานหน้าถ้าต้องตัด ผมหาเจอแน่ๆ

 รุ่งขึ้นผมลองซาวเสียงหาพวกที่นิสัยเดียวกัน

 ไม่น่าเชื่อครับ หลายคนยอมรับเปิดอกเป็นแบบผม ปล่อยปละละเลย ไม่ใคร่จะสนใจ จะแตกต่างก็ตรงที่สิ่งของที่หากันไม่เจอ หลากหลายกันไป

บางคนเป็นผ้าพันคอที่หน้าหนาวทีถึงจะเอามาใส่ พอใส่ก็ถอด แล้วก็จำไม่ได้ว่าวางที่ไหน หรือให้ใครยืม บางคนก็เป็นสร้อย หนักเข้าก็เป็นของชิ้นใหญ่อย่างเข็มขัด กระเป๋าก็มี

 ปัญหาส่วนหนึ่ง ทุกคนยอมรับว่ามักจะเกิดกับของที่มีสนนราคาไม่สูงนัก จึงไม่ค่อยเสียดาย ไม่ใคร่จะดูแลเท่าไหร่ อีกส่วนก็อาจมาจากธรรมชาติที่ไม่ค่อยเป็นคนเจ้าระเบียบ ประเภทใช้แล้วก็วางไปเรื่อย ไม่เก็บ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขอย่างยิ่ง ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างครับ

 นึกๆ ดู ผมว่านิสัยแบบนี้ไม่ดีเลย เพราะเท่ากับเราฟุ่มเฟือยใช่เหตุ ต้องเสียเงินซื้อหามาใหม่โดยไม่จำเป็น ทั้งที่ของเก่าบางทียังใช้ไม่ทันคุ้ม หรือยังไม่สึกหรอ

 ใครที่พอกพูนนิสัยนี้บ่อยๆ อุปมาก็เหมือนทำเงินหล่นหายไปเฉยๆ ครับ เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะเงินก้อนเดียวกัน เอาไปให้คนที่ด้อยโอกาส ก็ยังดี มีประโยชน์เสียกว่า

 แถมเผลอๆ เมื่อลองบวกของที่หายจากนิสัยที่ว่าเข้าด้วยกัน บางทีก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ ที่เอาไปทำให้งอกเงย ยังจะคุ้มกว่า

 ที่สำคัญ มันเท่ากับเรากำลังสร้างนิสัยไม่ดี โดยไม่รู้ตัว

 นิสัยที่ว่าคือการไม่รู้ค่า...และกว่าจะรู้ก็ต่อเมื่อเราเสียมันไปแล้ว

 ถ้าเป็นของเล็กๆ ยังไปอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆ ล่ะครับ

 บางคนชอบดุด่าเด็กรับใช้ เพราะคิดว่ามีหน้าที่ต้องทำงาน และหาใหม่ได้ ต่อเมื่อลาออก ก็พบทางสว่าง ที่ผ่านมาคิดไม่ถูก

 บางคนทำงาน จนลืมพ่อ ลืมแม่ เพราะคิดเป็นของตาย เมื่อท่านเสีย ก็สำนึกผิด ปรับตัวเสียใหม่ก็ไม่ทันการณ์ ได้แต่เก็บไปเป็นอุทธาหรณ์เตือนคนอื่น

บางคนทำงานหนัก หลงลืมรักษาสุขภาพ เพราะไม่คิดว่าต้องดูแลร่างกายมีไว้ใช้ มีไว้หาเงินเมื่อป่วยหนัก แขนขาอ่อนล้า ไม่มีแรง ทำงานต่อไม่ได้ จึงได้รู้คุณค่าของอวัยวะทุกส่วน

 ผมว่าอย่าให้ถึงวันนั้นเลยครับ เพราะสายเกินไป ไม่มีประโยชน์ใดๆ

 ที่เขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเอาไว้เตือนตัวเอง เพราะไม่อยากมีวันที่ต้องมานั่งเสียใจ ฟูมฟายกับอดีตที่ไปแก้ไขไม่ได้

 แล้วคุณล่ะครับ? ผมฝากไว้สักนิด อย่ารู้คุณค่าก็ต่อเมื่อสายไปเสียแล้วนะครับ

ชัยพล กฤตยาวาณิชย์
[email protected]