ข่าว

"ข้าวต้มในกระเพาะ"6 ปีคลี่คดีฆ่าน้องแอน

"ข้าวต้มในกระเพาะ"6 ปีคลี่คดีฆ่าน้องแอน

24 ม.ค. 2554

ทันทีที่ศาลชั้นต้น จ.เชียงใหม่ อ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นายวุฒิชัย ใจสมัคร หรือ ปุ๊ หุ้นส่วนใหญ่ผับชื่อดัง "วอร์มอัพ" ย่านถนนนิมมานเหมินท์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 ในฐานความผิดข้อหา

"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" หลังตกเป็นจำเลยในคดีฆ่า น.ส.เบญจภรณ์ ผ่องผิว หรือ แอน อายุ 27 ปี อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้และเจ้าของร้านกิฟท์ช็อป หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ซึ่งญาติผู้ตายได้ออกมาแสดงความขอบคุณสภาทนายความ จ.เชียงใหม่ และศาลที่ให้ความเมตตาและยุติธรรมต่อครอบครัว 

 เมื่อ 6 ปีก่อน..วันที่ 13 ธันวาคม 2548 หลังเคารพธงชาติได้เพียงครึ่งชั่วโมง พ.ต.ต.ฐนวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.ต.ภู พิงค์ จ.เชียงใหม่ (ยศขณะนั้น) รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกฆ่าตายที่ถนนด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท. ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ตายคือ น.ส.เบญจภรณ์ ถูกฆ่าอย่างทารุณ สภาพศพถูกมัดด้วยผ้าพันคอสีดำที่ตาและมัดด้วยสายเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ที่คอ และข้อมือทั้งสองข้าง และมัดลำตัวด้วยผ้าสีเขียวติดกับต้นกระถิน ตายมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง และพบรถของผู้ตายจอดทิ้งไว้หน้าตึกอธิการบดีในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภายในรถถูกตัดสายเข็มขัดนิรภัยไปทั้งสองเส้น 

 ช่วงที่เกิดเหตุคดีประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และตำรวจก็ให้ความสำคัญในการติดตามคนร้ายด้วยการส่งชุดสืบสวนมือดีถึง 3 ชุด ลงพื้นที่สืบหาตัวคนร้าย ส่วนประเด็นการสังหารตำรวจเชื่อว่ามาจากเรื่องชู้สาวและแค้นส่วนตัว แล้วก็ปิดคดีภายใน 1 ปีโดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสืบหาตัวคนร้ายที่กระทำผิดได้

 ผ่านไป 3 ปี ครอบครัวผู้ตายยังไม่สิ้นหวัง นายสุเมธ ผ่องผิว พ่อของผู้ตาย ได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. (ยศขณะนั้น) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจกองปราบปราม แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ในปี 2551 ครอบครัวผ่องผิวจึงตัดสินใจพึ่งสภาทนายความ ที่กรุงเทพฯ และส่งให้ทางสภาทนายความ จ.เชียงใหม่ เข้ามาเป็นหน่วยงานที่ดูแลว่าความต่อสู้คดีให้ โดยพ่อของผู้ตายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาลต่อสู้คดีดังกล่าวอีกครั้ง 

 นายสุเมธเล่าถึงการไปยื่นร้องต่อสภาทนายความว่า รู้สึกท้อแท้ใจมาก ลูกสาวเสียชีวิตไปทั้งคน แต่พึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันสะเทือนใจต่อครอบครัวมากจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือในการรวบรวมพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบางรายที่เข้ามาทำคดีให้ภายหลังร่วมกับทางสภาทนายความเชียงใหม่  จนสามารถรวบรวมพยานแวดล้อมประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาต่อสู้ในชั้นศาล จนนำไปสู่ผลการพิพากษาตัดสินได้

 หลักฐานสำคัญที่ทำให้ศาลตัดสินออกมาเช่นนี้ คือพยานแวดล้อมหลายปาก ประกอบกับการตรวจพบว่าในกระเพาะอาหารของผู้ตายมีข้าวต้มที่ก่อนเกิดเหตุ มีผู้พบเห็นว่าผู้ตายได้ไปนั่งรับประทานข้าวต้มกับนายวุฒิชัย อดีตแฟนหนุ่มที่ร้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านเดียวของเชียงใหม่ที่มีสูตรผสมของข้าวเหนียวจึงนำมาสู่การตัดสินดังกล่าว

  หากเปรียบเทียบคดีฆ่าน้องแอน คล้ายกับคดีฆ่าแพทย์หญิงผัสพร บุญเกษมสันติ ตรงที่พ่อของผู้เสียชีวิตทั้งคู่เป็นโจทก์ยื่นร้องคดีต่อศาลด้วยตัวเองไม่ใช่พนักงานสอบสวน และผลการตัดสินของคดีฆ่าแพทย์หญิงผัสพรที่ศาลสั่งประหารชีวิตนายแพทย์วิสุทธิ์ในฐานะจำเลยที่ฆ่าภรรยานั้น คดีดังกล่าวไม่ได้มีประจักษ์พยานว่าใครเห็นคุณหมอวิสุทธิ์เป็นคนฆ่า แต่ล้วนมาจากพยานแวดล้อมและพยานวัตถุ!!

 นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ ประธานสภาทนายความ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า คดีนี้ความจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนและยังเชื่อมโยงไปยังประเด็นขัดแย้งได้ แต่หลังรับทำคดีทางสภาทนายความต้องใช้ทนายมือดีหัวกะทิหลายคนเข้ามาทำงาน 

 "คดีนี้มีความแตกต่างไปจากคดีฆ่าหมอผัสพร คือคดีฆ่าหมอผัสพรนั้นในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนทำสำนวนสอบสวนค่อนข้างสมบูรณ์และมีความเห็นเสนอส่งฟ้องแต่พนักงานอัยการไม่ฟ้อง แต่ในคดีของน้องแอน ยากกว่าตรงที่พนักงานสอบสวนเองทำสำนวนแล้วมีความเห็นว่าไม่ปรากฏตัวผู้กระทำความผิดหรือหาตัวผู้กระทำความผิดไม่ได้ แต่เราต้องไปรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่จากทุกส่วนมาเสนอต่อศาล" นายพรศักดิ์ ระบุ

 หลังจากนี้...คงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีในการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และฎีกากว่าคดีจะสิ้นสุดลง แต่ไม่ว่าผลจะลงเอยอย่างไร คนผิดย่อมต้องชดใช้ที่ก่อไว้อย่างแน่นอน!!
                                                                                      -  ขวัญดาว จิตรพนา  -