ข่าว

รวบมือยิงกัปตันบินไทยคารีสอร์ทพังงา

รวบมือยิงกัปตันบินไทยคารีสอร์ทพังงา

22 ม.ค. 2554

หนุ่มฟอร์จูนเนอร์เลือดร้อน มือยิงกัปตันบินไทย จนมุม ตำรวจพังงาสนธิกำลังกว่า 40 นาย บุกรวบคารีสอร์ท เจ้าตัวคอตก กราบขอขมากัปตันเหยื่อกระสุน สารภาพไม่เจตนายิง อ้างโมโหขับปาดหน้า แถมใช้ไฟฉายส่อง จึงใช้ปืนยิง ด้านกัปตันหนุ่มใหญ่ให้อภัย เผยไม่คิดโกรธ พร้อมให้

ความคืบหน้าคดี นายพริสร หรือนายณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ไล่ยิง ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันสายการบินไทย ขณะขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู 525 สีเทา ทะเบียน 7 ศ 4235 กรุงเทพมหานคร บนทางด่วนมอเตอร์เวย์ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่พอใจที่ส่องไฟสูงใส่กัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

 เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 มกราคม พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผบก.ภ.จว.พังงา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 40 นาย บุกค้นศรีวรารีสอร์ท เลขที่ 20/4 หมู่ 7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา หลังจากสืบทราบว่า นายพริสร ผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิง ร.ท.พูลวิทย์ กัปตันการบินไทย หลบหนีมากบดาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายพริสรได้ขณะหลบอยู่ในห้องพักภายในรีสอร์ท

 ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ต้องหายอมให้จับกุมแต่โดยดี ไม่มีการยิงต่อสู้ หรือขัดขืนแต่อย่างใด หลังการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และจากการตรวจค้นห้องพัก พบของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.ยี่ห้อโคลท์ รุ่น เอ็มเค ไอวี ซีรีส์ 80 สีดำ 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ยี่ห้อคิมเบอร์ 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยี่ห้อ สมิทแอนด์เวสสัน 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาด 11 มม. 26 นัด กระสุนขนาด 9 มม. 40 นัด และซองกระสุน 2 ซอง โดยอาวุธปืนที่พบไม่มีทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่รีบนำนายพริสรออกจากรีสอร์ทมาลงบันทึกประจำวันการจับกุมที่สถานีตำรวจในพื้นที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ต้องหาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ สน.ประเวศ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุดำเนินการสอบสวน

 อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำนายพริสรมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" มีโอกาสพูดคุยกับนายพริสรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายพริสรอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจจะยิง แต่เนื่องจากรถคู่กรณีขับรถปาดไปปาดมา ก่อนจะใช้ไฟฉายส่องมาที่รถ ตอนนั้นสงสัยว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่ จึงชะลอรถดู ปรากฏว่าไม่ใช่ หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างขับรถปาดกันไปมา โดยคู่กรณีใช้ไฟฉายส่องเข้ามาในรถ จึงใช้เลเซอร์สีเขียวส่องกลับไป เพื่อให้รถคู่กรณีหยุดขับปาดหน้า แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้โมโห จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์คู่กรณี เพื่อให้รถหยุด

 "ผมไม่รู้ว่าข้างในรถเป็นใคร เข้าใจว่าเป็นวัยรุ่น ผมเป็นคนขี้โมโห จึงใช้อาวุธปืนยิงยางและตัวรถให้เขาหยุด หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ คืนวันที่เกิดเหตุผมนอนไม่หลับ ในใจคิดตลอดเวลาว่าไม่น่าใจร้อน หรือทำอย่างนั้น กระทั่งวันรุ่งขึ้นมีข่าวตามสื่อมวลชนว่า คู่กรณีเป็นกัปตันการบินไทย ผมรู้สึกกลัว และตั้งใจว่าจะมอบตัวภายใน 2 วัน ระหว่างนั้นติดตามข่าวมาตลอด และรู้ว่าตำรวจจะวิสามัญฯ เพราะพกปืนตลอด หากผมสู้ ผมกลัวจึงกลับไปที่บ้าน เล่าให้พ่อแม่ฟัง จากนั้นได้ชวนพ่อแม่หนีไปเป็นเพื่อน เพื่อป้องกันตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ส่วนอาวุธปืน 99 มม.รุ่นกล็อกที่ใช้ก่อเหตุ ผมโยนทิ้งแม่น้ำระหว่างหลบหนีไปแล้ว สุดท้ายนี้ผมฝากขอโทษคู่กรณีด้วยว่า ไม่มีเจตนาจะยิงเขา" นายพริสร กล่าว

 ภายหลังนายพริสรเปิดใจกับผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ทันทีที่นายพริสรเดินทางมาถึงบรรดาญาติที่มารอดูการแถลงข่าวกว่า 10 คน ได้ตรงเข้าไปหอมแก้มเพื่อให้กำลังใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายพริสรไปยังห้องสอบสวน โดยมี ร.ท.พูลวิทย์ กัปตันการบินไทย นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อนายพริสรเห็น ร.ท.พูลวิทย์ ก็ตรงเข้าไปกราบเท้าขอขมาทันที พร้อมกล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป

 ต่อมาเวลา 21.00 น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นำตัวนายพริสรแถลงข่าวการจับกุม โดยมี ร.ท.พูลวิทย์ ร่วมแถลงข่าวด้วย

 นายพริสรสารภาพว่า วันเกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิง ร.ท.พูลวิทย์ 5 นัด แต่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ตาย สาเหตุมาจากขับรถปาดหน้า ทำให้โกรธ ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องราวใหญ่โต ครอบครัวเดือดร้อนขนาดนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด หลังก่อเหตุได้ขับรถกลับไปที่บ้านแฟนสาวที่ จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างทางได้โยนปืนกล็อกที่ใช้ก่อเหตุทิ้งลงแม่น้ำบางปะกง จากนั้นโทรศัพท์ติดต่อให้เพื่อนมารับ ก่อนจะหลบหนีไป จ.ระยอง จากนั้นหนีลงภาคใต้ไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ภูเก็ต กระทั่งถูกจับกุมที่ จ.พังงา ขณะกำลังกินข้าวอยู่ ส่วนสาเหตุที่พกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากภรรยาทำบ่อกุ้ง และมักจะมีขโมยเข้าไปขโมยกุ้งในบ่อ ปกติมีปืนอยู่ 3-4 กระบอก ทั้งหมดเป็นปืนไม่มีทะเบียนที่ซื้อมาจากเพื่อน

 ร.ท.พูลวิทย์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ถูกยิงจนถึงวันนี้ ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไร เพราะหลังทราบอายุของผู้ต้องหาว่ารุ่นราวคราวเดียวกับลูก เด็กรุ่นนี้มีอารมณ์รุนแรง เป็นไปได้ก็อยากจะให้อยู่ห่างปืน และยิ่งมาทราบว่า กระทำลงไปเพราะความโมโหร้าย ยิ่งรู้สึกสงสาร ไม่โกรธและให้อภัยตลอดเวลา เนื่องจากไม่เคยโกรธแค้นอะไรกันมาก่อน และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทุกเรื่อง

 ผู้สื่อข่าวรายงานเบื้องหลังการแกะรอยจับกุมนายพริสรว่า ตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดสืบสวน ได้แก่ พ.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผกก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน สว.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดสืบสวน ลงพื้นที่ไล่ล่านายพริสร หลังจากตรวจสอบข้อมูลในทางลึกพบว่า นายพริสรเคยพักอาศัยอยู่ใน ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อชุดสืบสวนเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว ได้เบาะแสว่า นายพริสรเพิ่งเดินทางมา และกลับออกไปพร้อมกับพ่อแม่ เพื่อไปหาญาติแถวเขตสุวินทวงศ์ กรุงเทพฯ ก่อนที่เพื่อนของนายพริสรจะมารับตัว เพื่อเดินทางไปที่ อ.แกลง จ.ระยอง

 ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกระทั่งพบบ้านญาติที่อยู่ในกรุงเทพฯ และได้เบาะแสว่า นายพริสรพร้อมพ่อแม่เดินทางมาที่ดังกล่าวจริง โดยออกไปกับเพื่อนเพื่อเดินทางต่อไปยังภาคใต้ เมื่อชุดสืบสวนพยายามแกะรอยจากคนใกล้ชิดที่เป็นเพื่อนของนายพริสร ยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายพริสรอยู่ระหว่างการเดินทางไปภาคใต้ โดยจะแวะที่ จ.ชุมพร จากนั้นจะเดินทางต่อไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ชุดสืบสวนจึงนำกำลังส่วนหนึ่งลงภาคใต้ และนำกำลังอีกส่วนย้อนรอยกลับไปที่บ้าน จ.นครปฐม รวมถึงบ้านภรรยาที่ จ.ฉะเชิงเทรา กระทั่งได้เบาะแสที่ จ.นครปฐม ว่า นายพริสร พ่อแม่ พร้อมเพื่อน เดินทางมาพักอยู่ที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 

 เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าว พ.ต.ท.นพศิลป์จึงประสานงานไปยัง พ.ต.ท.พัทศาสน์ บัวแก้ว สว.กก.สส.2 ภ.8 ร่วมสนธิกำลังออกติดตาม พร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวนที่ชำนาญพื้นที่ติดตามหาตามตำหนิรูปพรรณ โดยตั้งข้อสังเกตและสันนิษฐานว่า นายพริสร พ่อแม่ และเพื่อน น่าจะพักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ หรืออพาร์ตเมนต์ให้เช่ารายวัน รวมถึงรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งข้อสันนิษฐานของตำรวจเป็นจริง เมื่อพบว่านายพริสรมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา

 อย่างไรก็ตาม หลังจากทราบข้อมูล ตำรวจชุดสืบสวนจึงประสานกับตำรวจพื้นที่ที่มีเขตติดต่อกับ อ.ตะกั่วป่า กระทั่งพบเบาะแสว่า มีผู้ต้องสงสัยลักษณะคล้ายนายพริสรเดินทางมาพร้อมกับผู้ชายในวัยเดียวกัน และมีหญิงชายสูงอายุ โดยทั้งหมดเพิ่งมาเปิดห้องพักที่ศรีวรารีสอร์ท ตั้งอยู่ที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงเดินทางไปที่รีสอร์ทดังกล่าว กระทั่งทราบว่านายพริสรพักห้องใด จึงนำกำลังบุกจู่โจมเข้าจับกุมได้ในห้องหลังจากนายพริสรเข้าพักได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว