ข่าว

ปิดจุดดำน้ำ7แห่งแก้ปะการังฟอกขาว

ปิดจุดดำน้ำ7แห่งแก้ปะการังฟอกขาว

21 ม.ค. 2554

กรมอุทยานฯ สั่งปิดจุดดำน้ำใน 7 อุทยาน ห้ามนักเที่ยวเข้าพื้นที่ตั้งแต่ 21 ม.ค. แก้ปัญหาปะการังฟอกขาว "สุวิทย์" ชี้ปิดแค่เฉพาะจุด ไม่ใช่ทั้งอุทยาน ด้านผู้ประกอบท่องเที่ยวชี้ กระทบวงกว้างทั้งโรงแรมที่พัก-ธุรกิจดำน้ำ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงปัญหาปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ว่า เนื่องจากอุณหภูมิใต้ทะเลอันดามันสูงกว่าปกติ รวมถึงนักท่องเที่ยวและเรือประมงที่เข้าไปทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมลง กรมอุทยานแห่งชาติและกรมทรัพยากรชายฝั่งทางทะเลดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งได้ให้นโยบายไปว่าพื้นที่ใดได้รับผลกระทบ หากจะปิดอุทยานแห่งชาติในระยะสั้นหรือระยะยาวนั้น ต้องศึกษาก่อนเพื่อดูผลกระทบอัตราการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศว่าเป็นอย่างไร

 "ฉะนั้นพื้นที่ใดหากได้รับผลกระทบมีความจำเป็นต้องปิด ก็ต้องปิด แต่บางอุทยานอาจไม่มีความจำเป็นต้องปิดทั้งอุทยาน อาจจะปิดในพื้นที่เฉพาะจุดที่มีปัญหาเท่านั้น นอกจากนี้การบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่จะต้องมีการควบคุมดูแล หากเกินความสามารถในการรองรับของอุทยานแห่งชาติก็อาจจะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมต่อระบบนิเวศ รวมทั้งเรือประมงที่เข้าไปจับปลาในบริเวณอุทยานแห่งชาตินั้น ทส.จะขอความร่วมมือกับกองทัพเรือให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย" นายสุวิทย์กล่าว

 นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า จะเริ่มห้ามนักเที่ยวเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม เป็นต้นไป โดยพื้นที่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประกอบด้วย 7 อุทยานแห่งชาติทางทะเล แต่บางอุทยานปิดบางส่วน โดยจะใช้เวลา 1 เดือนในการประเมินว่าจะปิดต่อหรือไม่
 การปิดพื้นที่บางส่วน 7 อุทยานแห่งชาติทางทะเล เพื่อให้ปะการังฟื้นตัว ได้แก่ 1.อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จ.ตรัง บริเวณเกาะเชือก 2.อุทยานแห่งชาติเกาะเภตรา จ.สตูล บริเวณเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะบุโหลนรังผึ้ง 3.อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล บริเวณเกาะตะเกียง เกาะหินงาม เกาะราวี หาดทรายขาว เกาะดง 4.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะมะพร้าว 5.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะ-พีพี บริเวณแนวปะการังบริเวณหินกลาง 6.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา บริเวณอ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม เกาะสตอร์ค หินกอง อ่าวผักกาด และแนวปะการังหน้าที่ทำการอุทยาน 7.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา บริเวณอ่าวไฟแว๊ป และอีส ออฟ อีเด็น

 ด้านนายธวัช นิรนาทวโรดม เจ้าของโรงแรมเบฟร้อน เขาหลัก รีสอร์ทแอนด์สปา ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า หากอุทยานปิดเกาะทั้งสองจริงๆ แม้จะเป็นบางส่วนก็ตาม ภาคเอกชนที่ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวใน จ.พังงา ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวในฝั่งอันดามันมีจุดประสงค์ต้องการเดินทางไปชมความงามของท้องทะเล

 นายต่อพงษ์ วงเสถียรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีสตาร์อันดามัน จำกัด ซึ่งให้บริการนำเที่ยวและดำน้ำบริเวณหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ และเกาะตาชัย จ.พังงา กล่าวว่า หากมีการปิดอุทยานจริง ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เชื่อมกันในวงกว้าง เช่น โรงแรมที่พัก การดำน้ำดูปะการัง ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดกับพนักงานที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนอย่างแน่นอน