ข่าว

ฟื้นอดีต"โคจา"มือตามเพชรสิ้นชีพ

ฟื้นอดีต"โคจา"มือตามเพชรสิ้นชีพ

20 ม.ค. 2554

โรคหัวใจได้คร่าชีวิตนายมูฮัมหมัด ซาอิค โคจา อดีตอุปทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ด้วยวัย 76 ปี ที่ถิ่นฐานบ้านเกิดแห่งดินแดนทะเลทรายเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา

 หากย้อนรอยดูการทำงานในฐานะอุปทูตในประเทศไทยแล้ว ต้องยอมรับว่า เป็นบุคคลที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในบรรดานักการทูตทั่วโลกที่มาประจำในประเทศไทย ด้วยการรับภาระอันหนักหน่วง

 ก่อนหน้านี้บทบาทของ "โคจา" ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก เพียงแต่ดำเนินการดูแลคนไทยเชื้อสายมุสลิมให้ไปร่วมพิธีฮัญจ์ ยังเมืองเมกกะ และอีกภารกิจหนึ่งคือการออกวีซ่าให้คนไทยไปขุดทอง สร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละนับพันล้าน

 จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนไทยที่ผ่านการออกวีซ่าโดย "โคจา" ให้ไปทำงานยังซาอุดีอาระเบีย ได้ไปสร้างวีรกรรมด้วยการลักเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียมาเป็นจำนวนมาก

 แม้ว่าทางการไทยจะจับตัวนายเกรียงไกรมาดำเนินคดีได้แล้วก็ตาม แต่การติดตามเครื่องเพชรนั้น ยังมีปัญหาเพราะเครื่องเพชรของกลางยังสูญหายเป็นจำนวนมาก

 นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการสังหาร 3 เจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ตามด้วยคดีการอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจ ซึ่งมีเชื้อสายโยงใยไปจนถึงกษัตริย์ซาอุฯ ด้วยเช่นกัน

 ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการโจรกรรมเครื่องเพชร และการฆาตกรรมคนของซาอุฯ ได้กลายเป็นภาระหนักอึ้งให้ "โคจา" อย่างมาก โดยแรงกดดันนั้น เกิดจากประเทศซาอุฯ และอีกแรงกดดันหนึ่ง เป็นเรื่องของความไม่คืบหน้าในการทำงานของฝ่ายไทย

 ภาระหน้าที่อันนี้ได้ตกเป็นของนาย "โคจา" เมื่อมีนักการเมืองคนใดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อุปทูตนั้นจะต้องนำดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับทุกคน ซึ่งเป็นเช่นนี้มานานหลายคน เช่นเดียวกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อุปทูตคนนี้ต้องไปแสดงความยินดีเช่นกัน ตลอดจนอธิบดีกรมตำรวจถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักการทูตคนนี้ต้องวิ่งเข้าหาตลอดเวลา

 น.ส.ซาอาดะห์ อดีตเลขานุการ "โคจา" ซึ่งทำงานด้วยกันมาตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งอุปทูตในไทยจนหมดวาระ ได้เล่าให้ฟังว่า ความเครียดในการทำงานของ "โคจา" นั้นมีหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะการทำงานทั้งด้านการข่าว ด้วยการตั้งทีมสืบสวนหาเครื่องเพชรเอง ตลอดจนการอมเพชรของกลาง ไปจนถึงการติดตามขบวนการสังหาร 3 เจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ กับอีกหนึ่งนักธุรกิจ

 "งานหนักเช่นนี้เอง จึงทำให้เกิดอาการวูบล้มลงหมดสติ จนต้องหามส่งรพ.บำรุงราษฎร์ รักษาตัวอยู่หลายวัน โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่าเป็นโรคหัวใจ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เป็นคนที่แข็งแรง" เลขานุการผู้ใกล้ชิดกล่าว

 การทำงานที่อยู่ในไทยต้องยอมรับอีกเช่นกันว่าอยู่แบบหวาดระแวง บางครั้งต้องโชว์แอ็กชั่นด้วยการยิงปืนให้สื่อดู บางครั้งแสดงออกด้วยการระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ โดยพกปืนครั้งละ 2 กระบอก โดยกระบอกที่โปรดที่สุดคือ .357 แม้กระทั่งนอนยังต้องกอดไว้ เพราะหวั่นว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั่นเอง

 นอกจากนี้ "โคจา" ยังมีคนที่โปรดปรานอยู่ด้วยเหมือนกัน น.ส.ซาอาดะห์ บอกว่า นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น เป็นคนที่ "โคจา" ชอบมากที่สุด เพราะการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง มักมีประเด็นที่นายโคจา อยากพูด และติดตามข้อซักถามอย่างแรงๆ ได้ตลอดเวลา

 สิ่งสำคัญที่สุด คือ สื่อในเครือ "เนชั่น" นั้น ยังสามารถนำบุคคลสำคัญ 2 คนมาเจอกันได้ โดยเฉพาะการนำตัวนายเกรียงไกร เตชะโม่ง นักโจรกรรมเครื่องเพชรระดับโลก ไปพบนายโคจา ถึงบ้านพัก ความประทับใจในตอนนั้นคือ นายเกรียงไกรก้มลงกราบเท้า พร้อมกล่าวขอโทษโคจา ต่อหน้านายสุทธิชัย และนายเทพชัย หย่อง ที่บันทึกเทปรายการ "เนชั่น นิวส์ทอล์ค" รายการในขณะนั้น

 "อุปทูตโคจาได้นั่งสนทนากับนายเกรียงไกร พร้อมกับเปิดภาพเครื่องเพชรให้ดูแล้วถามอยู่ตลอดเวลาว่า "เห็นชิ้นนี้ไหม" ซึ่งชิ้นสำคัญนั้น คงเป็นการชี้ให้เห็น ชุด "บลูไดมอนด์" ซึ่งนายเกรียงไกร ก็ตอบว่า เห็น แต่ไม่ทราบว่าใครเอาไป" น.ส.ซาอาดะห์ กล่าว
 
 "โคจา" เป็นอุปทูตคนหนึ่งที่เชื่อว่า นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจที่เป็นญาติกับเชื้อพระวงศ์ เป็นคนที่ตรงกันข้ามกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จเรตำรวจ ในปัจจุบันนี้อย่างมาก เมื่อรู้ข่าวว่า นายตำรวจคนนี้จะขยับเลื่อนตำแหน่งก็ต้องไปกระทุ้งกับนักการเมือง เพื่อสกัดกั้นตลอดเวลาอีกเช่นกัน

 การนำเครื่องเพชรที่พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ที่สามารถติดตามกลับคืนมาได้แล้วนำไปใส่ตู้เซฟที่กองปราบปราม หลังจากนั้นทางการไทยก็พยายามที่จะนำเครื่องเพชรทั้งหมดไปคืน โดยติดต่อประสานงานกับ "โคจา" ให้ทำหน้าที่ประสานกับทางการซาอุฯ เพื่อหวังว่า จะได้ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ กลับคืนมา

 แต่การดำเนินการของ "โคจา" ครั้งนั้น เหมือนกับต้องการสร้างผลงานชิ้นโบแดงเหมือนกัน จึงประสานงานอย่างราบรื่นจนกระทั่ง ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (ตำแหน่งในขณะนั้น) หวังที่จะไปฟื้นความสัมพันธ์อันดีกลับคืนมา แต่ต้องถูกซาอุฯ ตอกหน้ากลับมา ด้วยคำพูดที่ว่า "เอาเครื่องเพชรปลอมมาคืนให้" ทำให้แผนการฟื้นความสัมพันธ์ของรัฐบาลชุดนั้น ล้มเหลวอีกเช่นเคย

 ต่อมาในส่วนพล.ต.ท.ชลอ เอง ในการนำเพชรไปคืนครั้งนั้น มีแนวโน้มว่าจะได้ของรางวัล 2 อย่างคือ เงินสนับสนุนในการสร้างสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจำนวนหลายร้อยล้านบาท และการได้เป็นคนพิเศษของซาอุดีอาระเบีย ในนามของ "ชีค" สุดท้ายไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว "ชีค" ก็หาย "เงิน" ก็หด

 จะเห็นได้ว่า การทำงานของ "โคจา" ต้องผ่านอุปสรรคหลายอย่าง งานหนักแต่ไม่ประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง มิหนำซ้ำบางเรื่องยังถาโถมให้ทรุดลงไปเสียอีก รวมไปถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้นจาก 2 ประเทศ จึงไม่แปลกที่ทำให้โรครุมเร้า ป่วยเป็นโรคหัวใจ ตั้งแต่ทำงานอยู่ในประเทศไทย เมื่อหมดวาระกลับไปอยู่ประเทศบ้านเกิด คงไม่มีความสุขเสียเท่าไหร่นัก

 เช่นเดียวกับทูตอีกหลายๆ คนที่เข้ามาอยู่ในไทยก็ต้องรับภาระทำหน้าที่เช่นนี้ให้กลายเป็นผลงานออกมาให้ได้ หากไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว เชื่อว่าแรงกดดันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน

โต๊ะอาชญากรรม