
ส.ว.สรรหากับ"อำนาจ-กิเลส"
น่าสนใจยิ่งต่อกรณีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ออกมาเปิดเผยว่า จะมีสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาจำนวนกว่าครึ่งลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงตัวนายประสพสุขเองด้วยเพื่อรักษาสิทธิ์ในการเข้ารับการสรรหาใหม่
เนื่องจากเกรงว่า ถ้าไม่ลาออกจากตำแหน่งจะมีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และจะก่อปัญหายุ่งยากตามมา ทั้งนี้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 297 เขียนไว้ว่า ในวาระเริ่มแรกให้สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหามีวาระ 3 ปี นับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพ และมิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระมาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าวในการสรรหาคราวถัดไปหลังจากสิ้นสุดสมาชิกภาพ
สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาใหม่จึงจะเริ่มต้นขึ้น แต่มีสมาชิกวุฒิสภาบางคนเห็นว่า ถ้ายังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาอยู่จะเสียสิทธิ์ในการได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา หลายคนซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำจึงคิดตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษาสิทธิ์นั้นไว้ แต่ลืมนึกถึงภารกิจที่ต้องทำ และเป็นภารกิจสำคัญนั้นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เวลานี้สภารับหลักการไปแล้ว อยู่ระหว่างแปรญัตติ และเชิญผู้ที่แปรญัตติไว้ไปชี้แจง ซึ่งประเด็นหลักที่แปรญัตติไว้คือ เรื่องจำนวน ส.ส.เขต และ ส.ส.สัดส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
เข้าใจว่า ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพราะสภาจะเปิดสมัยประชุมวันที่ 21 มกราคมนี้ ซึ่งถ้าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเป็นช่วงเดียวกับสมาชิกวุฒิสภาลาออกเพื่อเข้ารับการสรรหาใหม่ อาจจะทำให้มีปัญหาเสียงจากซีกของสมาชิกวุฒิสภาหายไป หรือสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ไม่ได้ออกเสียงในญัตติสำคัญที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศด้วย
แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับสปิริตของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา เมื่ออยู่ในวาระมาแล้ว 3 ปีโดยไม่ยึดโยงกับประชาชนเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องลงไปพบปะประชาชน ไม่ต้องไปงานบวช งานแต่ง หรืองานการกุศลใดๆ เหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องออกงานหน้าดำคร่ำเคร่ง สมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหาเพียงแต่ผ่านการเสนอชื่อจากกองค์กรต่างๆ มา แล้วผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการเพียงไม่กี่คน แล้วยังจะขอใช้สิทธิ์ในการเข้ารับการสรรหาเพื่ออยู่ต่ออีก 6 ปี เป็น 9 ปี ในตำแหน่งวุฒิสภาที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน และที่น่าเกลียดที่สุด บางคนเข้าไปแล้ว ไม่ได้เห็นบทบาท หรือการต่อสู้เพื่อประชาชนมากนัก แล้วยังจะขอรับสิทธิ์นั้นอีกหรือ สิทธิ์ที่กฎหมายมอบให้ แต่ประชาชนเจ้าของประเทศไม่ได้เต็มใจที่จะคืนให้