ข่าว

เซ็กส์เวอร์เกอร์ซ่องสมัครใจในเยอรมัน

เซ็กส์เวอร์เกอร์ซ่องสมัครใจในเยอรมัน

05 ม.ค. 2554

ขบวนการส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีต่างแดนกำลังเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในถิ่นยุโรปที่อดีตมักถูกจัดการโดยแก๊งแมงดาข้ามชาติ แต่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นเสมือนกองทัพมด ที่ดำเนินธุรกิจขนาดย่อยสมาชิกมีเพียงผัวฝรั่งกับแม่เล้าหญิงไทยจอมเขี้ยว ล่าสุด "คม ชั

 ข้อมูลสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ระบุว่าในปี 2550 มีคนไทยในเยอรมนี 5.4 หมื่นคน หากรวมกับคนไทยที่แต่งงานแล้วเปลี่ยนสัญชาติเป็นเยอรมันแล้ว จะมีจำนวนพุ่งสูงถึง 1 แสนคน หากเปรียบเทียบกับอังกฤษที่มีคนไทยอาศัยอยู่เพียง 3 หมื่นกว่าคนนั้น ถือได้ว่าเยอรมันเป็นเป้าหมายส่งออกหญิงไทยขนาดใหญ่สุดของยุโรปเลยทีเดียว

 "กุ๊กกี้" สาวใหญ่ที่ใช้ชีวิตในเบอร์ลินมานานหลายสิบปี ให้ข้อมูลว่า สิบกว่าปีที่แล้วหญิงไทยที่เป็นเซ็กส์เวอร์เกอร์ หรือขายเซ็กส์ในเยอรมันนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ กลุ่มแรงงานหญิงถูกหลอกให้มาทำร้านอาหารไทยแล้วบังคับค้าประเวณี และกลุ่มที่โดนสามีฝรั่งเยอรมันบังคับให้ค้ากาม ส่วนหญิงไทยที่ตั้งใจจะมาขายตัวโดยตรงนั้นมีน้อยมาก ผิดกับปัจจุบันที่หญิงไทยเซ็กส์เวอร์เกอร์นั้นจะเป็นกลุ่มสมัครใจ มากันเองโดยรู้ตั้งแต่อยู่เมืองไทยว่าจะต้องมารับแขกแบบอย่างว่า โดยขอวีซ่ามาเยอรมันด้วยกลยุทธ์ 2 แบบ คือ ขอวีซ่าแต่งงานโดยจ้างชายโสดเยอรมัน  กับ แฝงตัวมาเป็นหมอนวดแผนไทย

  "เดี๋ยวนี้มีแต่ซ่องสมัครใจแล้ว ค่าตัวดีกว่าเมืองไทย ถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น เบอร์ลิน แฟรงก์เฟิร์ต จะได้ครั้งละประมาณ 100 ยูโร หรือ 4,000 กว่าบาท ถ้าเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ก็ประมาณ 50 ยูโร หรือ 2,000 กว่าบาท เมืองพวกนี้ค่าชั่วโมงถูกเพราะค่าครองชีพต่ำ ลูกค้าไม่มีเงินมากนัก แต่ก่อนแฝงตัวในบาร์เล็กๆ หรือร้านเหล้า แต่เดี๋ยวนี้กลุ่มหญิงขายตัวจะทำงานแฝงในร้านนวดสปาเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจเยอรมันไม่มีเวลาไล่ตามจับ เพราะต้องดูแลปัญหาผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ปัญหาค้าประเวณีเลยกลายเป็นเรื่องเล็ก" กุ๊กกี้เล่าพร้อมทั้งชี้ให้ดูร้านนวดหรือร้านสปาไทยตามถนนใหญ่และในซอกซอยต่างๆ

 "มาดามต้อย" อดีตแม่เล้าที่พลิกชีวิตหันมาค้าขายสินค้าไทยในเยอรมันให้ข้อมูลว่า ซ่องสมัครใจในเยอรมันนั้น จะแบ่งเป็นหลายเกรด เจ้าของส่วนใหญ่เป็นคนเยอรมันที่เป็นนักเลงหรือมีลูกน้อง แต่ไม่ถึงกับเป็นมาเฟียเหมือนประเทศอื่น เพราะกฎหมายของเยอรมันแรงมากถ้าเป็นมาเฟียจะถูกลงโทษหนัก การค้าประเวณีแบ่งเป็น "เกรดเอ" คือพวกที่ทำงานนวดไทยไปด้วยค้าประเวณีไปด้วย โดยนายจ้างรู้เห็นเป็นใจ แต่ต้องแบ่งเงินส่วนแบ่งให้นายจ้าง 50 เปอร์เซ็นต์  "เกรดบี" คือกลุ่มที่ทำงานในร้านนวดไทยแต่แอบค้าประเวณี อาศัยทิปจากลูกค้าประจำ ไม่ให้นายจ้างรู้ไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก หรืออาจนัดแขกไปที่บ้านก็ได้ และ "เกรดซี" คือกลุ่มที่เช่าห้องเล็กๆ อยู่ตามชั้นบนของตึกแถว แบ่งรายได้เป็นค่าเช่าห้องกับแมงดาเยอรมันคนละครึ่ง สำหรับค่าบริการนั้นประมาณ 50-100 ยูโร แล้วแต่สภาพหุ่นและความงดงามของใบหน้า หากหุ่นดีหน้าตาคมเข้มผิวคล้ำจะถูกใจหนุ่มเยอรมันมากกว่าผิวขาว

 เยอรมันมีประมาณ 16 รัฐใหญ่แต่ละรัฐจะมีเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น สตุ๊ทการ์ท  มิวนิค เบอร์ลิน  ฮัมบูร์ก เดรสเดน ฯลฯ จากประสบการณ์ของ มาดามต้อย บอกว่า เมืองท่องเที่ยวทุกแห่งจะมีหญิงไทยเป็นเซ็กส์เวอร์เกอร์อยู่จำนวนมาก วิธีการสำคัญคือ "เวียนหน้า" เพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อหรือจำเจ จะมีการประสานเครือข่ายมาดามหรือแม่เล้าชื่อดังของแต่ละเมืองเพื่อเปลี่ยนหญิงในสังกัดของตัวเอง ทำให้รายได้ของแต่ละคนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1-2 แสนบาท หากรายได้ลดน้อยลง ก็ต้องเริ่มเวียนหน้าอีกครั้ง

 ส่วนเส้นทางจากเมืองไทยมายังซ่องสมัครใจนั้น มาดามต้อยเล่าว่า จะมีหญิงไทยที่อายุมากแล้วล้างมือจากซ่องผันตัวเป็นแมวมอง เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ เพื่อไปชักชวนสาวน้อยตามแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนให้มาทำงานที่เยอรมัน ส่วนใหญ่จะเน้นเด็กที่ขายตัวอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโวยวายภายหลัง เพราะกลุ่มวัยรุ่นที่ขายตัวอยู่แล้วส่วนใหญ่อยากหาโอกาสมายุโรปเพื่อชุบตัวและหารายได้ส่งให้ทางบ้านมากกว่าเดิม

  "ถ้าเจอคนที่ปิ๊งแล้วอยากมาเยอรมัน มาดามก็จะประสานให้มีชายโสดเยอรมันไปแต่งงานด้วย ค่าจ้างสามีปลอมจะราคามาตรฐานคือไม่ต่ำกว่า 1  แสนยูโร หรือ  2 ล้านบาท ถ้าใครมีหลักทรัพย์ดีมีหลักฐานการเงินบ้าง ขอวีซ่าแต่งงานไม่ยากนักก็จะเสียแค่ 2 ล้านบาท แต่ถ้าบางคนไม่มีหลักฐานอะไรเลย ก็อาจต้องเสียถึง 2 แสนยูโรหรือ 4 ล้านบาทเพื่อทำหลักฐานปลอมแปลงต่างๆ ที่สำคัญคือต้องไปเรียนภาษาเยอรมันด้วยเพราะตอนขอวีซ่าแต่งงานจะต้องใช้หลักฐานตัวนี้ประกอบ"

 หลังจากเจอกันหลายครั้ง และพูดคุยกันจนค่อนข้างสนิท มาดามต้อย เปิดใจเล่าให้ฟังถึงชีวิตหญิงไทยที่มาค้าประเวณีในเยอรมันนั้น มีข้อดีคือรายได้งามกว่าเมืองไทยแน่นอน หักค่าใช้จ่ายแล้วถ้าไม่ติดยาเสพติดหรือติดการพนันจะมีเงินเก็บเดือนละหลายแสนบาท แต่ข้อเสียคือชีวิตหญิงบริการส่วนใหญ่จะมีครอบครัวที่เมืองไทย ทั้งผัว ลูก หรือพ่อแม่ พี่น้องที่บ้านนอกคอยโทรศัพท์มาขอเงิน ด้วยข้ออ้างค่าใช้จ่ายต่างๆ นานา โดยไม่รู้ว่าแต่ละวันที่ต้องทำงานรับแขกแปลกหน้านั้นมันเจ็บปวดหัวใจแค่ไหน

 ที่เด็ดกว่านั้น เธอยอมรับว่า เป็นหนึ่งในแม่เล้าที่เคยแนะนำแขกให้หญิงไทยที่แต่งงานแล้ว หรือที่เรียกว่า "กิ๊กชั่วคราว" เนื่องจากสามีเยอรมันไม่รวยพอหรือให้เงินค่าใช้จ่ายน้อยมาก จนต้องแอบมาทำงานอย่างว่า แม่บ้านกลุ่มนี้จะระวังตัวมากเพราะหากสามีจับได้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องอาศัยมาดามที่เชื่อใจกันเท่านั้น แล้วแอบนำรายได้เสริมที่ได้ส่งให้คนที่บ้านเมืองไทยได้ใช้จ่าย

  "หนูเห็นมาเยอะ บอกได้เลยว่าชีวิตหญิงไทยในเยอรมัน มีทั้งที่ได้ดีรุ่งเรือง และตกต่ำยิ่งกว่าหมาจนตรอก อยู่ที่ใครจะทำตัวแบบไหน แต่อย่างหนึ่งที่ทุกคนเหมือนกันคือ ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ซื้อของแพงกิน ไม่ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ เพื่อส่งเงินกลับเมืองไทยหรือบางคนเก็บเงินเพื่อจะเอาไปใช้ตอนที่ตัวเองเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านนอก จนมีคำพูดติดปากว่า "อยู่เยอรมันกินอย่างหมู อยู่อย่างหมา เก็บเงินไปเป็นคุณนายเมืองไทย" หรือ "ลูกสาวนับเศษเหรียญใช้ แม่หน้าใหญ่ใส่ซองทีละ 500" นี่เป็นเรื่องจริงนะ" มาดามต้อยหันมาสบตาก่อนกล่าวตบท้ายว่า "ชีวิตมันขำดีนะพี่" !!