
สั่งกักซากช้างห้ามเคลื่อนย้ายฝืนคุก
ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม สั่งกักซากช้างห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าผลตรวจจะชี้ชัดว่าตายด้วยเหตุใด ฮึ่ม! ฝ่าฝืนโดนจับติดคุกแน่ พร้อมสั่งห้ามนำช้างเข้ามาเลี้ยงเพิ่ม ขณะที่หลวงปู่เผย แจ้งปศุสัตว์ตรวจสอบช้างตายแล้ว แต่จนท.อ้างติดธุระ
ความคืบหน้ากรณีช้างที่เลี้ยงในวัดสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ตายต่อเนื่องรวม 3 เชือก จากจำนวนทั้งหมด 10 เชือก หลังจากนั้นพระได้ชำแหละแยกชิ้นส่วนซากช้าง ทั้งเอาเนื้อไปกินและนำชิ้นส่วนต่างๆ ไปทำเครื่องรางของขลัง รวมทั้งขายหัวกะโหลกพร้อมงาไปในราคา 2 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความจงใจที่ให้ช้างอดอยากตายเพื่อหาประโยชน์จากซากหรือไม่ และได้นำไปแจ้งให้มูลนิธิช้างเข้าตรวจสอบ กระทั่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มกราคม นายสัตวแพทย์ธเนศ ถวิลหวัง ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการเข้าสำรวจวัดสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ที่มีการเลี้ยงช้าง และชำแหละเนื้อช้างเอาชิ้นส่วนต่างๆ นั้น พบช้างจำนวน 6 เชือก ที่ผูกไว้ตามจุดต่างๆ ในบริเวณทุ่งนาท้ายวัด และตามบริเวณอื่นๆ ของวัด จากการตรวจสอบสภาพการเลี้ยงดูแล้ว ขอยืนยันว่าไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงช้างจำนวนมากขนาดนี้ เนื่องจากแหล่งอาหารไม่เพียงพอ เพราะปกติช้างต้องการอาหารปริมาณมาก ประมาณ 200-400 กก.ต่อวัน หากน้อยกว่านั้นจะทำให้ช้างซูบผอมและล้มป่วย
ในส่วนการเลี้ยงช้างของวัดสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจากการตรวจสอบสภาพอาหารภายในวัดพบว่ามีเพียงกาบมะพร้าว หรือใบกล้วยเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของช้างอย่างแน่นอน และการเลี้ยงก็ไม่ถูกต้อง เลี้ยงแบบปล่อยช้างผูกไว้ตามร่มไม้ในทุ่งนาเท่านั้น หากจะเลี้ยง ทางวัดจะต้องมีอาหารอย่างอื่นที่อยู่ในสภาพโดยรวมมากกว่านี้ และในพื้นที่ต้องมีพืชที่มีสารอาหารครบถ้วนมากกว่านี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเป็นห่วงว่าช้างจะล้มตายลงอีก
นายสัตวแพทย์ธเนศ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องสถานที่เลี้ยง และอาหารที่ไม่เหมาะสมแล้ว ยังเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนที่มาวัดหรือมาเยี่ยมชมช้าง เพราะบริเวณโดยรอบของวัดยังไม่มีรั้วแน่นหนาปลอดภัย หากช้างตกมันอาจทำอันตรายคนได้
ส่วนการตรวจสอบใบอนุญาตเลี้ยง และเคลื่อนย้ายช้างตามสิทธิกฎหมายที่ผู้ครอบครอง หรือทางวัดที่เลี้ยงช้างต้องมีนั้น พบว่า ทางวัดไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายช้าง ที่ผ่านมาเท่าที่ทราบก็พบเห็นช้างเข้ามาอยู่แล้ว แต่ทางปศุสัตว์ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า ส่วนช้างที่ล้มนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่เกิดจากโรคระบาด แต่เมื่อมีการชำแหละไม่ถูกสุขลักษณะ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อโรคขึ้นได้
"การตรวจสอบสภาพโดยรวมของการเลี้ยงช้าง และการเก็บตัวอย่างหาสาเหตุการตายที่แท้จริง หรือด้านอื่นๆ ทั่วไปอีกนั้น ใน 2-3 วันสถาบันช้าง จ.สุรินทร์ จะเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ต้องสั่งกักซากช้างเอาไว้ห้ามเคลื่อนย้าย จนกว่าผลการตรวจสอบชัดเจนว่าช้างตายเพราะสาเหตุอะไร ส่วนตัวอย่างที่เราจะเก็บจากฝูงช้างที่เหลือว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร ถ้าไม่ใช่โรคระบาด หรืออะไร ก็ต้องมาพิจารณากันอีกที" ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม กล่าว
ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ซากช้างทุกชิ้นส่วนหากมีการเคลื่อนย้ายไปขายหรือเคลื่อนย้ายไปพักไว้ที่ใดที่หนึ่ง วัดจะต้องแจ้งให้ทราบ ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดีแจ้งความ ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 34 เคลื่อนย้ายช้าง ม้า โค กระบือ แพะ แกะ รวมทั้งซาก โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ มีโทษปรับ 1 หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทางวัดมีการฝ่าฝืน และสั่งห้ามนำช้างเข้ามาเลี้ยงเพิ่มอีก
ขณะที่ หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี ฐิตธัมโม วัดสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี กล่าวว่า การเลี้ยงช้างนี้แม้ว่าดูโดยรวมพื้นที่ไม่ค่อยมีอาหารที่สมบูรณ์ แต่ได้ให้ลูกศิษย์ขอบริจาคหรือซื้ออาหารมีคุณภาพเข้ามาเลี้ยงช้างทุกวันอยู่แล้ว ขอยืนยันว่าช้างไม่ขาดอาหารอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าวัดปล่อยให้ช้างผอมตายเพื่อประโยชน์อื่นๆ นั้น เพราะพวกนี้ไม่รู้ว่าสายพันธุ์ช้างที่ทางวัดเลี้ยงนั้นเป็นสายพันธุ์ที่สูง ขายาว บริเวณหลังจะมีลักษณะที่เห็นซี่โครง ถึงแม้ว่ากินอาหารมากเท่าไรก็ไม่อ้วน ไม่เหมือนกับช้างสายพันธุ์ที่ จ.สุรินทร์ เลี้ยง พวกนั้นจะอ้วน โครงร่างลักษณะไม่เหมือนกัน
หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี กล่าวอีกว่า เรื่องช้างที่ล้มและซากช้างนั้น ทางวัดได้แจ้งให้ปศุสัตว์มาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าติดธุระไม่สามารถเดินทางมาตรวจสอบได้ ดังนั้นหากปล่อยไว้นานก็จะเน่าเหม็น และหากนำไปทิ้งก็จะเสียประโยชน์ จึงได้ชำแหละเพื่อเอาซากมาทำประโยชน์ หาเงินมาสมทบทุนเลี้ยงช้างเชือกอื่นๆ จะไม่ดีกว่าหรือ