
สุพรรณฯเดินหน้าฟื้นความเสียหายน้ำท่วม
ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นต่อสุพรรณบุรีในเดือนตุลาคม 2553 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่รวม 10 อำเภอ คือ อ.เมือง น้ำท่วมขังจำนวน 11 ตำบล, อ.ด่านช้าง จำนวน 7 ตำบล และถนนหลายสายได้รับความเสียหายจากน้ำป่าพัดพัง
และเป็นหลุมบ่อ ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ อ.หนองหญ้าไซ จำนวน 2 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 6 ตำบล) อ.สามชุก จำนวน 5 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 7 ตำบล) อ.ดอนเจดีย์ จำนวน 5 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 5 ตำบล)
อ.ศรีประจันต์ จำนวน 7 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 9 ตำบล) อ.เดิมบางนางบวช จำนวน 11 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 14 ตำบล) อ.อู่ทอง จำนวน 7 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 13 ตำบล) อ.บางปลาม้า จำนวน 11 ตำบล (จากจำนวนทั้งหมด 14 ตำบล) และ อ.สองพี่น้อง จำนวน 8 ตำบล 1 เทศบาลเมืองคือ (จากจำนวน 15 ตำบล) นี่คือภาวะรวมของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่
ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบครัวละ 5,000 บาท ขณะนี้ จ.สุพรรณบุรี โดยสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เร่งรัดการแจกจ่ายแล้วใน 3 อำเภอ คือ อ.ด่านช้าง อ.หนองหญ้า และ อ.เดิมบางนางบวช ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันปัญหาการแจ้งเท็จหรือทุจริตต่างๆ แนวทางของจังหวัดที่วางเอาไว้ คือให้ครัวเรือนหลังใดที่ถูกน้ำท่วมจนได้รับความเสียหาย ก็ให้บ้านใกล้เคียงลงนามรับรองกันเอง จากนั้นให้ผู้ใหญ่บ้านลงลายมือชื่อรับรอง
ในส่วนของขั้นตอนดำเนินการ ขณะนี้ได้เริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 3 กรณี คือ ราษฎรที่ถูกน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย ราษฎรที่บ้านเรือนที่พักอาศัยถูกน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า 7 วัน และกรณีจังหวัดภาคใต้ให้รวมถึงบ้านเรือนที่ประสบวาตภัยและดินโคลนถล่มด้วย ซึ่งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ในส่วนของตำบลท่าระหัด ซึ่งเป็นตำบลนำร่องของ อ.เมือง ที่มีการจ่ายเงินชดเชย มีจำนวน 5 หมู่บ้าน 1,051 ครอบครัว
"ในภาพรวมของ จ.สุพรรณบุรี ขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลแล้วกว่า 4 หมื่นครอบครัว และได้รับอนุมัติและโอนเงินผ่านธนาคารออมสินมาแล้วจำนวน 40,526 ครอบครัว เป็นเงิน 20 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดจะดำเนินจ่ายอย่างต่อเนื่องจนครบทั้ง 10 อำเภอ ย้ำว่าก่อนจะส่งเรื่องไปยังส่วนกลางได้ตรวจสอบภาพถ่าย และมีชาวบ้านเซ็นรับรองกันอย่างน้อย 5 รายว่าน้ำท่วมจริง รวมทั้งมีการลงลายมือชื่อของผู้เกี่ยวข้องด้วย"
สมศักย์ กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาหมู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่มีถนนคอนกรีตทั้งหมด ทำให้ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้ เพราะถูกน้ำกัดเซาะพังทลาย ไม่เหมือนถนนลาดยางซึ่งเมื่อยุบตัวก็ราดยางทับ แต่คอนกรีตเวลาหักต้องรื้อออก ขณะนี้จังหวัดมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ระเบียบมีอยู่ว่าถ้าเป็นถนนเส้นทางสายหลัก จังหวัดไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ในกรณีที่เสียหายมาก
ที่ทำได้มีหน้าที่อย่างเดียวคือซ่อม เช่น ถนนลาดยางร่อน มีหน้าที่ปะต้องที่เสียหาย แต่ไม่สามารถราดยางทั้งเส้นได้ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นถนนเข้าหมู่บ้านเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นซึ่งสามารถใช้งบประมาณจังหวัดได้เช่นกัน คือซ่อมแต่สร้างไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เร่งสำรวจกรณีถนนที่ชำรุดเพื่อเร่งซ่อมแซมทันที ส่วนทางขาดตรงบริเวณบ้านสระบังกล่ำ อ.ด่านช้าง เป็นหน้าที่ของกรมทางหลวง ขณะนี้ได้ติดต่อขอสะพานแบริ่งมาใส่ไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะของบจากรัฐบาลมาดำเนินการ เพราะจุดนั้นจะทำเป็นถนนเหมือนเดิมไม่ได้แล้วต้องใช้สะพานแทน
สมเจตน์ พรหมสุนทร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเสียหายต่างๆ สำหรับสุพรรณบุรี มีพื้นการเกษตรเสียหายจำนวน 202,757 ไร่ โรงงานอุตสาหกรรม 6 แห่ง ถนน 797 สาย สะพาน 30 แห่ง ฝาย ทำนบ พนังกั้นน้ำ 48 แห่ง วัด 69 แห่ง โรงเรียน 25 แห่ง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ จ.สุพรรณบุรี กำลังเร่งดำเนินการฟื้นฟู
บายไลน์ ทีมข่าวภูมิภาค