ข่าว

ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก3ปี'เป๊กโก้'คดีกรรโชกทรัพย์

ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก3ปี'เป๊กโก้'คดีกรรโชกทรัพย์

27 ธ.ค. 2553

ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก 3 ปี “เป๊กโก้” ขาใหญ่เตาปูน ขู่กรรโชกทรัพย์เรียกเงินผู้ค้าแผงลอย จ่ายค่าเช่ารายเดือน

(27ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ด.2051 / 2548 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายนุกูล หรือเป๊กโก้ เสืองามเอี่ยม อายุ 49 ปี ผู้กว้างขวางย่านเตาปูน , นายเดชา มีสุข หรือบุ๋ม อายุ 35 ปี และ นายฉัตรชัย เนียมแนบ หรือตี๋ อายุ 34 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ซ่องโจร กรรโชกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 83,91,92,210,337(2) และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ   

 โดยคำฟ้องโจทก์ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อประมาณเดือน มี.ค. 44 ถึง 4 พ.ค. 48 จำเลยกับพวกที่หลบหนี ได้ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรรโชกทรัพย์และข่มขืน นางศิริพร หงษ์โต ผู้เสียหาย และผู้ค้าบริเวณบาทวิถีและผิวการจราจรบริเวณตลาดศรีเขมาเนรมิต ถนนประชาราษฎร์ สาย1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ให้ยอมจ่ายเงินค่าเช่าให้กับจำเลยรายละ 10 - 50 บาท ต่อวัน และเรียกเก็บค่าเช่าแผงอีก เดือนละ 400 - 3,500 บาท หากไม่ยอมจ่ายเงินก็จะถูกข่มขู่กลั่นแกล้งไม่ให้ขายสินค้า

 คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.49 ว่า ฝ่ายโจทก์มีพยานผู้เสียหายเข้านำสืบโดยละเอียดถึงพฤติการณ์ และการกระทำต่างๆ ของจำเลยทั้งหมดที่ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหายมาเป็นเวลานาน ประกอบกับผู้เสียหายเป็นเพียงกลุ่มผู้ค้าขายรายได้น้อย ไม่น่าจะมีเหตุบาดหมาง ทะเลาะวิวาทจนพวกจำเลยซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต้องมาเรียกเก็บเงินกับผู้เสียหาย เชื่อว่าคำเบิกความของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนข้ออ้างของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาลงโทษจำคุกที่ 1-3  ตามมาตรา 337 วรรคแรกรวม 6 กระทง ๆ ละ 1 ปี จึงจำคุกคนละ 6 ปี

 นอกจากนี้จำเลยที่ 1 และที่ 3 เคยกระทำผิดฐาน พ.ร.บ.อาวุธปืน กับทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาก่อน จึงให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1และที่ 3 อีก 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ไว้คนละ 8 ปี แต่คำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ 5 ปี 4 เดือน

 ส่วนจำเลยที่ 2 คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 4 ปี และให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย 6 คน จำนวนทั้งสิ้น 215,000 บาท ขณะที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 คนละ 2 ปี และยกคำขอเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยให้ยกฟ้องในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหายที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 และยกคำขอคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาสู้คดี 

 โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมหารือแล้ว เห็นว่า พฤติการณ์จำเลย เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอม โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมสมคบกันกระทำความผิดตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืน และออกหมายขังส่งตัวเรือนจำกลางบางขวาง