
จ่าเอก(หญิง)วริน ณ สงขลา:ดอกไม้เหล็กไทยใต้ปีกพญาอินทรี
ในภารกิจปราบปรามโจรสลัดโซมาเลีย ณ อ่าวเอเดน ประเทศโซมาเลีย นอกจากจะมีกำลังพลจากกองทัพเรือไทยเข้าปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของเรือประมง และพาณิชยนาวีแล้ว ยังมีกำลังพล "เชื้อชาติไทย" แต่ถือสัญชาติอื่นเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วย
จ่าเอก (หญิง) วริน ณ สงขลา สาวไทยวัย 28 ปี ซึ่งถือสัญชาติอเมริกัน และเป็นกำลังพลสังกัดกองทัพเรือ สหรัฐอเมริกา คือดอกไม้เหล็กสายเลือดไทย ซึ่งอยู่ภายใต้ปีกพญาอินทรีสหรัฐ มหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก ที่ส่งกำลังมาปราบปรามโจรสลัดโซมาเลียเช่นกัน
ตำแหน่งของจ่าเอก (หญิง) วริน ในกองทัพสหรัฐ คือทหาร "เจ้าหน้าที่แผนกคอมพิวเตอร์" ทำหน้าที่คอยเก็บข้อมูลของกองทัพสหรัฐ ระหว่างเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย และภาคพื้นตะวันออกกลาง ร่วมกับกำลังพลจากนานาชาติรวม 25 ประเทศ
จ่าเอก (หญิง) วริน เปิดใจกับ “คม ชัด ลึก” ถึงความรู้สึกที่ได้เข้ามาปฏิบัติภารกิจเพื่อชาวโลก รวมทั้งความรู้สึกเบื้องลึกที่ยังมีสายเลือดความเป็นไทยอยู่เต็มเปี่ยม แม้เครื่องแบบและเครื่องหมายประดับยศจะประทับตรากองทัพอเมริกันก็ตาม
เธอกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจปราบปรามโจรสลัดโซมาเลียว่า รู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ และพร้อมที่จะทำงานเพื่อชาวโลก โดยเฉพาะต่อประเทศไทย ที่ถือเป็นแผ่นดินเกิดของครอบครัว แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานให้กองทัพไทยก็ตาม
สำหรับจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหักเหมาเป็นทหารหญิงในกองทัพสหรัฐ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ วริน จบการศึกษาในชั้นมัธยมปลาย หรือไฮสคูลในประเทศสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่หฤโหดไม่แพ้ผู้ชายมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะชีวิตปกติของเธอก็มีความอ่อนโยน และอ่อนหวานตามประสาหญิงไทยทั่วไป โดยเฉพาะการ "รำไทย" ที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจ และคิดว่าจะเป็นอุปสรรคในการเป็นทหารด้วยซ้ำ
ทว่าด้วยความตั้งใจจริงในการจะสอบบรรจุเข้าเป็นทหารเพื่อ "แบ่งเบาภาระครอบครัว" ที่ส่งเสียให้เธอเรียนเมืองนอกมานาน และไม่อยากรบกวนเงินทางบ้านอีกแล้ว จึงทำให้เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการฝึกจนสามารถบรรจุเข้าเป็นทหารได้
“ตอนนี้เป็นทหารอยู่ในกองทัพสหรัฐมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งทำให้รักชีวิตการเป็นทหารมาก เพราะได้ทำอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ได้ประสบภัยด้านต่างๆ แต่ถ้าถามว่าตอนแรกชอบหรือไม่ที่จะเป็นทหารก็คงตอบเหมือนกับทุกคนว่าคงไม่ เพราะกลัว และนิสัยส่วนตัวก็ถือว่าเป็นลูกแหง่ของครอบครัว แม้ว่าครอบครัวจะอยู่ในสหรัฐก็ตาม”
จ่าเอก (หญิง) วริน ย้ำว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นทหาร และได้เจอคนไทยหลายคนที่เป็นทหารในกองทัพสหรัฐเช่นกัน ซึ่งแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นทหารนอกจากแรงสนับสนุนจากครอบครัวแล้ว ยังอยากเจริญรอยตาม "คุณอา" ที่เป็นทหารในกองทัพบกไทยด้วย
"การที่กองทัพเรือไทยออกมาปฏิบัติภารกิจที่โซมาเลียถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับกำลังพลจากกองทัพเรือไทย ซึ่งทำให้รู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่กองทัพเรือไทยออกมาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนโดยมีธงชาติไทยโบกสะบัดอยู่กลางทะเล”
อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกเสียดายแทนทหารหญิงของไทยที่ไม่ได้มีโอกาสปฏิบัติภารกิจนอกประเทศเช่นเดียวกับเธอ ซึ่งเมื่อผู้หญิงเข้ามาเป็นทหารแล้วก็ควรที่จะปฏิบัติภารกิจได้เทียบเท่าทหารชาย แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นระเบียบของแต่ละกองทัพ ซึ่งมีหลักปฏิบัติไม่เหมือนกัน
ส่วนมุมมองต่อทหารไทยเท่าที่เธอได้สัมผัสมาตลอดการปฏิบัติภารกิจที่โซมาเลียนั้น เธอมองว่า "ทหารไทยมีความสามารถ และเก่งมากทำให้นานาชาติรู้ว่าทหารไทยก็ทำอะไรได้หลายอย่างไม่แพ้ชาติอื่น แม้ว่าทหารไทยจะตัวเล็ก แต่ก็ถือว่าเล็กพริกขี้หนู"
เมื่อถามถึงความรู้สึกในการเป็น "คนไทย" จ่าเอก (หญิง) วริน กล่าวอย่างหนักแน่นว่า เธอไม่เคยลืมถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง แม้ว่าจะเติบโตมาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่เด็ก
"คุณแม่ท่านกลัวว่าจะลืมภาษาไทย และความเป็นไทย จึงส่งให้มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ นานถึง 7 ปี ก่อนที่จะกลับมาอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และสมัครเข้ามาเป็นทหารของกองทัพสหรัฐ"
สำหรับความรู้สึกในฐานะผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอันดับ 1 ของโลก เธอบอกว่า รู้สึกภาคภูมิใจมาก โดยเฉพาะการที่ได้ทำงานเทียบเท่ากับผู้ชาย ซึ่งในกองทัพสหรัฐ ผู้หญิงกับผู้ชายถือว่าเท่าเทียมกัน ไม่มีการ "เหยียดเพศ" แต่อย่างใด
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสทำประโยชน์ให้ประเทศไทย จะทำอะไรเป็นอันดับแรก จ่าเอก (หญิง) วริน กล่าวว่า เดิมใฝ่ฝันอยากจะเป็นทูต โดยเฉพาะทูตประจำสหรัฐ แต่เมื่อไม่ได้เป็นทูตตามที่ฝัน และได้มาเป็นทหารแทนก็ไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะได้ทำชื่อเสียงให้ประเทศแล้ว
ขณะที่มุมมองต่อปัญหา "สงครามสี" ในประเทศไทยนั้น เธอมองว่า การที่คนอยู่ประเทศเดียวกันนั้นก็เหมือน "ครอบครัวเดียวกัน" จะมาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และทะเลาะกันทำไม เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะมาทะเลาะกัน และควรทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อหลวงมากกว่า
มุมมองของดอกไม้เหล็กสีสวยใต้ปีกพญาอินทรีดอกนี้คงโดนใจคนไทยหลายๆ คน ซึ่งน่าคิดว่า แม้แต่คนไทยที่ต่างแดนยังรักประเทศบ้านเกิดเมืองนอนถึงขนาดนี้ แล้วไฉนคนไทยที่อาศัยบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเป็นเรือนตายแท้ๆ ยังมัวมาทะเลาะกันจนถึงทุกวันนี้ !?
ปัญญา ทิ้วสังวาลย์