ระยองขู่สมาคมลูกหนังฟ้องศาลเรียกเงิน10ล้าน
ศึกชิงสิทธิ์ไทยลีกระอุ "ระยอง" ยันเป็นเจ้าของทีมตัวจริง มีเอกสารยืนยันถูกต้อง พร้อมออกโรงขู่ หากสมาคมลูกหนังยกสิทธิ์แข่งฤดูกาลหน้าให้ราชนาวี ตั้งทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายขั้นต่ำ 10 ล้านบาท ขณะที่ศึกเพลย์ออฟดิวิชั่น 2 นัดชิงลงตัว จัดที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 2
ความเคลื่อนไหวของการชิงสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันศึกลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011 ระหว่าง ราชนาวีสโมสร กับ บริษัทระยองไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ที่หมดสัญญาต่อกันหลังร่วมกันส่งทีมแข่งขันในนาม "ราชนาวี-ระยอง" มาเป็นเวลา 2 ฤดูกาล ซึ่งจากกระแสข่าวที่นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมาสรุปเรื่องดังกล่าว หลังการหารือกันระหว่างสมาคมลูกหนัง บ.ไทยพรีเมียร์ลีก และคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ว่าเห็นชอบให้ราชนาวีสโมสร ได้สิทธิ์ส่งทีมเข้าแข่งขันตามระเบียบของสมาคมฟุตบอล และจะนำเสนอมติดังกล่าวต่อสภากรรมการบริหารในการประชุมวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่งนั้น
ล่าสุดแหล่งข่าวภายในคณะกรรมการบริหาร บริษัทระยองไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่เข้าใจการตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลว่าเหตุใดจึงด่วนตัดสินใจเช่นนั้น เพราะบริษัทได้จดทะเบียนนิติบุคคล กับ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก อย่างถูกต้องตามระเบียบการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังได้เซ็นเอกสารช่วงที่ตัวแทนสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เดินทางมาตรวจมาตรฐานฟุตบอลไทยอีกด้วย
ส่วนการอ้างว่า บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด อยู่ภายใต้การบริหารของสมาคมฟุตบอล ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของบริษัทระยองไทยพรีเมียร์ลีก ได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกด้วย ดังนั้นหากจะพูดกันตามสิทธิ์แล้ว บริษัทระยองไทยพรีเมียร์ลีก ควรจะได้สิทธิ์ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันมากกว่า
“เมื่อข่าวออกมาอย่างนี้ทำให้บริษัทเสียหายมาก ซึ่งตอนนี้ได้ให้ทนายความทำเรื่องเตรียมฟ้องศาลปกครองกับสมาคมฟุตบอล ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากนี้หากได้รับหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการว่าบริษัทไม่มีสิทธิ์ส่งทีมเข้าแข่งขันก็จะฟ้องต่อศาลแพ่ง ในบุคคลที่ลงนามแจ้งหนังสือฉบับนั้น พร้อมเรียกค่าเสียหายอย่างน้อย 10 ล้านบาทอย่างแน่นอน”
"ลีกภูมิภาค" จัดชิงที่สนามศุภฯ
ส่วนความคืบหน้าของการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 รอบเพลย์ออฟ ที่กำหนดเตะนัดชิงชนะเลิศ ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ แต่เดิมกำหนดให้มีการจับสลากหาสนามเหย้าระหว่างคู่ชิง คือทีมอันดับ 1 ของสาย เอ และทีมอันดับ 1 ของสาย บี เตะแบบนัดเดียวรู้ผลเลยนั้น ล่าสุดได้รับการยืนยันจากฝ่ายจัดการแข่งขันว่าการเตะนัดชิงชนะเลิศจะยังคงมีขึ้นในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ เหมือนเดิม แต่สถานที่จะย้ายไปเตะกันที่สนามศุภชลาศัย โดยจะเริ่มเวลา 16.00 น. เป็นการชิงอันดับ 3 ระหว่างทีมอันดับ 2 สาย เอ และทีมอันดับ 2 สาย บี จากนั้นเวลา 18.00 น. จึงเป็นการเตะนัดชิงชนะเลิศ