
ทหารพม่าบุกโจมตีกองกำลังไทใหญ่
ทหารพม่าบุกโจมตีฐานที่มั่นของกองพลน้อยที่ 1 กองทัพรัฐฉาน "เหนือ" SSA-N ที่ปัดตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดน อีกรอบ ขณะผู้นำระดับสูง SSA-N กำลังรวมตัวจัดประชุมอยู่ที่กองบัญชาการใหญ่ ทหารพม่าปะทะกะเหรี่ยงต่อเนื่องคนไทยหนีตาย
เว็บไซต์คนเครือไทได้รายงานวันนี้(20ธ.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทหารพม่าจำนวนกว่า 50 นาย จากกองพันทหารราบเบาที่ 516 สังกัดกองบัญชาการยุทธการที่ 2 ประจำเมืองหนอง รัฐฉานภาคใต้ ได้บุกโจมตีฐานที่มั่นส่วนหน้าของกองพลน้อยที่ 1 กองทัพรัฐฉาน"เหนือ" หรือ กองกำลังหยุดยิงไทใหญ่ SSA-N ใกล้กับบ้านกุ๋นแกงบ้านหลวย อยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านไฮ ซึ่งเป็นที่ตั้งกองบัญชาการกองพลน้อยที่ 1 ของ SSA-N อยู่ในพื้นที่เมืองเกซี
ทั้งนี้ เหตุการโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของพม่า โดยฝ่ายทหารพม่าได้เข้าทำการโอบล้อมฐานของ SSA-N ก่อนระดมยิงเข้าใส่ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่า 30 นาที หลังจากทาง SSA-N เรียกกำลังจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้าไปเสริมจึงทำให้เสียงปืนจากฝ่ายทหารพม่ายุติลง และทหารพม่าได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ช่วงเช้าตรู่ของวันต่อมา
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การโจมตีฐานที่มั่นของ SSA-N ครั้งนี้ เป็นการจงใจของทหารพม่าอย่างชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้ 1 วัน มีผู้พบเห็นทหารพม่าชุดดังกล่าว เดินเท้าลัดเลาะไปตามป่าเขาไปยังจุดหมายโดยที่ไม่ยอมผ่านเข้าหมู่บ้านใดๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะหวั่นข่าวการเคลื่อนไหวจะรั่วไหล จากนั้นในวันต่อมาก็เกิดการโจมตีขึ้น
สำหรับฐานของ SSA-N แห่งนี้เคยถูกทหารพม่าโจมตีแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ฝ่าย SSA-N ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย แต่อย่างไรก็ตาม การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ยังไม่มีรายงานการสูญเสียอย่างชัดเจน ขณะที่แหล่งข่าวชาวบ้านคนหนึ่งเผยว่า พบเห็นทหารพม่าได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ขณะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
มีรายงานด้วยว่า เหตุการโจมตีของทหารพม่าครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้นำระดับสูงของ SSA-N กำลังมีการประชุมใหญ่ประจำปีอยู่ที่กองบัญชาการใหญ่บ้านไฮ โดยหลังจากผู้นำ SSA-N ทราบเรื่องได้บัญชาสั่งการด่วนให้กำลังพลรับมือการโจมตีของทหารพม่าอย่างแข็งขัน พร้อมกับสั่งให้ยิงทหารพม่าที่ลุกล้ำเข้าพื้นที่ได้ทันที
กองพลน้อยที่ 1 กองกำลังหยุดยิงไทใหญ่ "เหนือ" SSA-N (Shan State Army - North) เป็นหนึ่งในกองกำลังที่ปฏิเสธข้อเสนอรัฐบาลทหารพม่าในการแปรสภาพเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน BGF (Border Guard Force) โดย ตลอดช่วง 3- 4 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดการปะทะกับทหารพม่าแล้วรวม 5 ครั้ง
ทหารพม่าปะทะกะเหรี่ยงต่อเนื่องคนไทยหนีตาย
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างฝ่ายพม่ากับฝ่ายกะเหรี่ยงเคเอ็นยู. และกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ที่ค่ายมอคี ตรงข้ามบ้านบ่อแร่ ต.แม่จัน อ.อุ้มผางนั้น เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ฝ่ายทหารกะเหรี่ยงได้ปิดล้อมฐานทหารพม่าไว้ได้ 1 แห่ง ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงยังคงมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีผลกระทบมายังเขตไทย ส่วนที่ค่ายผาลู ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ราษฎรพม่าได้ขุดหลุมหลบภัยทุกหลังคาเรือน โดยไม่ลี้ภัยเข้ามาเขตไทย แม้ว่าจะมีการสู้รบเกิดขึ้นก็ตาม
ส่วนราษฎรไทยที่มีอาชีพทำไร่ที่บ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ต่างกลับมาทำไร่อยู่ในฝั่งไทย หลังจากที่เดินทางไปเช่าที่ปลูกข้าวโพดและทำนาในฝั่งพม่า ที่บริเวณค่ายผาลู ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ก่อนการสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.กับ ฝ่ายทหารรัฐบาลพม่า แต่ต่อมาได้เกิดการสู้รบขึ้น ทำให้ราษฎรไทยไม่สามารถไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
นายทอม นาเวียง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแม่โกนเกน หมู่ที่ 9 กล่าวว่า ชาวบ้านแม่โกนเกนที่ไปเช่าที่ทำไร่ในฝั่งพม่าไม่สามารถไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และขณะนี้ผลผลิตซึ่งเป็นข้าว และข้าวโพดได้รับความเสียหายจากฝนที่ตกลงมาก่อนหน้านี้แล้ว เกษตรกร และประกอบกับการสู้รบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงยอมทิ้งผลผลิตทั้งหมด
อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ในเครื่อข่ายไทใหญ่ได้รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพทหารพม่า (ทพม.) สั่งเสริมกำลังบุกเข้าโจมตีพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ทางทิศใต้ของเมืองเมียวดีพร้อมกัน 3 จุด ส่งผลให้ 2 ฝ่าย เกิดการสูญเสียพอกัน การปะทะระลอกใหม่ครั้งนี้ ทหารพม่า สังกัด พัน.คร.404 ทพม. จู่โจมบุกเข้าโจมตีกวาดล้างในพื้นที่ กะเนแล และพื้นที่หม่อฟ้า ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งพื้นที่ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นเขตเคลื่อนไหวของกลุ่ม DKBA ผลการปะทะ ทำให้กำลังพลของกลุ่ม DKBA เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 5 นาย โดยในจำนวนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บนี้ มีนายทหารระดับ ผบ.พัน รวมอยู่ด้วย 1 นาย ส่วนทหารพม่า ได้รับบาดเจ็บสาหัส 11 นาย
ผบ.พัน. DKBA ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับ ทพม.ระลอกใหม่ครั้งนี้ เปิดเผยว่า “การรบปะทะครั้งนี้ แม้ ทพม.จะอาศัยจำนวนกำลังพลที่มีมากกว่าบุกเข้าโจมตี พร้อมด้วยการยิงสนับสนุนจากอาวุธหนัก (ปืน ค.) อย่างรุนแรงก็ตาม กองกำลังกลุ่ม DKBA ก็จะยังคงเข้าห้ำหั่นต่อกรกับ ทพม. อย่างห้าวหาญต่อไป จนกว่าจะสามารถกอบกู้เอกราชของบ้านเมืองกลับคืนมา”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกลุ่ม DKBA ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในขณะนี้ว่า “ขณะนี้ ทพม.มีการเสริมกำลังเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เขตอิทธิพลของกลุ่ม DKBA และกลุ่ม KNLA เป็นจำนวนมาก คาดว่า 2 ฝ่ายคงมีการปะทะกันในเร็ววันนี้ ซึ่งการปะทะในระลอกต่อไป คงทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปกว่าเดิม”