
บทเรียนจากน้อง"โตมี่"
ข่าวน้อง "โตมี่" หรือ ด.ช.โภคิน ดีผิว เหยื่อกระสุนบนถนนหลวง คงสะเทือนใจและสะท้อนถึงภัยใกล้ตัวที่มีโอกาสเจอกันได้ทุกคน
น้องโตมี่ อายุแค่ 12 ปี นั่งรถยนต์มากับญาติเพื่อกลับบ้าน ไม่ได้ซิ่งเหมือนแก๊งกวนเมือง ปาดไปปาดมา แต่เคราะห์ร้ายกลับมาถูกพวกค้ายา บ้าเลือดไล่ยิงใส่รถจนเสียชีวิตในที่สุด
ภัยบนถนนหลวงไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่ก่อนมีพวกปาก้อนหินใส่รถที่วิ่งผ่านไปมา มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิต ตำรวจไล่จับก็หายกันไปพักใหญ่
มิฉาชีพ แฝงมาในคราบคนดี อาศัยจังหวะรถชาวบ้านจอดเสียเข้ามาช่วยแล้วปล้นทรัพย์ นำเหยื่อไปข่มขืนก็มี
เหล่านี้ล้วนแต่โจรอาชีพ บางคนมีประวัติฉกาจอย่างกรณีน้องโตมี่ คนร้าย 2 พี่น้องแก๊งค้ายา ตัวพี่คนยิงคือ นายนายชาญชัย ประสงค์ศิล ฉายา โจ๊ก ไผ่เขียว กับน้องชาย นายมงคล ประสงค์ศิล หรือ จิ๊ป ไผ่เขียว คนขี่รถจักรยานยนต์วันเกิดเหตุ
ตำรวจปิดล้อมแมนชั่น เกิดปะทะกัน ไอ้โจ๊กคนยิงน้องโตมี่ ถูกวิสามัญ จิ๊ป น้องชายหนีไปได้หวุดหวิด แต่รับรองอยู่ไม่สุขแน่เพราะทีมล่าของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รักษาการ ผบช.ภ.1 คงกัดไม่ปล่อย ถ้าไม่มอบตัว เงาหัวก็เลือนรางเต็มที
ตำรวจเข้าไปค้นในห้องพัก 2 โจร พบเงินสดนับล้านบาท ปืนชนิดต่างๆ อีกเพียบ ยาเสพติดนับไม่ถ้วน นี่คือแก๊งโจรรายใหญ่ ดูจากเงินสดแล้วเชื่อว่า 2 คนนี่ค้ายากันมานานและต้องเป็นรายใหญ่ด้วย
เชื่อว่าหน่วยปราบปรามยาเสพติดหรือตำรวจท้องที่ต้องมีประวัติอยู่ หรืออย่างน้อยก็ต้องได้กลิ่นบ้าง
สองคนนี้นอกจากเป็นนักค้ายาแล้ว ยังออกมาก่อคดีบนถนนหลวง ไม่ได้ทำเพราะต้องการทรัพย์ แต่ไล่ยิงชาวบ้านเพราะความสะใจ ฮึกเหิม บ้าคลั่ง ผิดกับนักค้ายา ที่มักเก็บตัวเงียบไม่ออกไปเป็นจุดสนใจ
ก่อคดีลักษณะนี้ติดต่อกันมาอย่างน้อยก็ 3 ครั้ง กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ลงมาคุมด้วยตัวเอง นี่ถ้าไม่มีตำรวจผู้ใหญ่ลงมาจี้ เรื่องอาจไม่จบเร็วเท่านี้
สถานการณ์อาชญากรรมในปัจจุบันน่าเป็นห่วงเพราะด้วยศักยภาพ อาวุธ บทลงโทษ รุนแรง คนร้ายมักต่อสู้ ที่สำคัญการสกัดกั้นโจรเหล่านี้ยังไม่เข้มข้น เกาะติด มีเพียงคดีสะเทือนใจเป็นข่าวตามสื่อ ที่ตำรวจค่อยเร่งสืบสวน
กรณีน้องโตมี่ คงเป็นบทเรียนที่ตำรวจต้องหันมาสนใจติดตามคดี ไม่ว่าเล็กหรือคดีดังๆ ทั้งหลาย
ยังมีโจรอีกมากมาย ยังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และยังอยู่กันอย่างสงบ ปลอดภัยจากการไล่ล่า!!