
แฉโจ๊กมือยิงน้องโตมี่ชอบยิงรถระบาย
ตร.ไล่ล่า "จิ๊ป ไผ่เขียว" พบถูกภาค 1 ขึ้นบัญชีดำ พ่อค้ายารายใหญ่ ระบุพี่ชายเพี้ยนขับรถใช้ปืนไล่ยิงรถชาวบ้านมาแล้ว 6 ครั้ง ตร.อยุธยาเตรียมขยายผลล่าเครือข่าย จนท.ตรวจเข้มชายแดนไทย-กัมพูชา สกัดทางหนี ขณะที่พ่อแม่และญาติร่ำไห้รับศพน้องโตมี่ เผยลูกชายโตขึ้นอยา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาการ ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา และนายตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้ร่วมกันแถลงผลการดำเนินคดีคนร้ายที่ยิงปืนใส่รถเก๋งโตโยต้า ยาริส ทะเบียนป้ายแดง ก 3271 ปทุมธานี เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม เป็นเหตุให้ ด.ช.โภคิน ดีผิว หรือน้องโตมี่ อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายชาญชัย ประสงค์ศิล หรือ โจ๊ก ไผ่เขียว อายุ 29 ปี โดยมีนายนพพล ประสงค์ศิล หรือ จิ๊ป ไผ่เขียว อายุ 23 ปี น้องชายร่วมก่อเหตุ โดยใช้รถจักรยานยนต์ซูเปอร์โฟร์
กระทั่งเวลา 20.45 น. วันที่ 11 ธันวาคม ตำรวจชุดสืบสวนได้เข้าปิดล้อมบริเวณสมายแมนชั่น ถนนโรจนะ เส้นทางอยุธยามุ่งหน้า อ.วังน้อย หมู่ 4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากสืบทราบว่า นายชาญชัย และนายนพพล พักอยู่บริเวณอาคาร 4 ของแมนชั่นดังกล่าว โดยเช่าห้องหมายเลข 4701, 4707 และ 4713 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจซุ่มรออยู่นั้นพบนายชาญชัยเดินลงมาข้างล่าง จึงแสดงตัวเพื่อจับกุม แต่นายชาญชัยชักอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่แล้วพยายามวิ่งฝ่าวงล้อมออกจากแมนชั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงป้องกันตัว กระสุนถูกนายชาญชัยล้มลงไปในพงหญ้าใกล้ปากทางเข้าเสียชีวิตทันที โดยพบว่านายชาญชัยยังมีกระสุนสำรองติดตัวเอาไว้อีก 26 นัด และยังมีกระเป๋าสะพายอีก 1 ใบที่นายชาญชัยทำตกไว้ขณะวิ่งหนี ภายในมีปืนกลมือขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้นออโตเมติก .45 อีก 1 กระบอก กระสุน 31 นัด
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขึ้นไปที่ชั้น 7 เพื่อตรวจสอบภายในห้องพักทั้ง 3 ห้อง โดยห้องหมายเลข 4701 พบนางวีรยา เนื่องจันทร์พัฒน์ อายุ 26 ปี แฟนของนายชาญชัย พบอาวุธปืนอีก 4 กระบอก พร้อมกระสุนปืนและเงินสด 1,648,290 บาท ยาบ้า 8 เม็ด ที่ห้องหมายเลข 4707 พบอาวุธปืนขนาดต่างๆ 9 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ยาบ้า 32,600 เม็ด ยาไอซ์ 37.88 กรัม และที่ห้องหมายเลข 4713 พบนางโชติรส วงษ์จำปา อายุ 25 ปี แฟนของนายนพพล มีอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน และเงินสด 725,900 บาท โดยทั้งสองยอมรับว่านายชาญชัยและนายนพพลได้พักอยู่จริง แต่ได้ออกไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามา
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ทั้งสองคนยังมีพฤติการณ์ขับรถยนต์และรถกระบะก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีกหลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรถที่ใช้ก่อเหตุอีก 2 คัน เป็นรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว 4 ประตู ทะเบียน ฎศ 3781 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน กต 4161 พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ช่วงเช้าวันที่ 12 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจยึดรถจักรยานยนต์ซูเปอร์โฟร์ 21 คัน รถจักรยานยนต์แบบเล็กกึ่งวิบาก 3 คัน อาวุธปืนลูกซองยาว 4 กระบอก กระสุน 17 นัด มาทำการตรวจสอบด้วย พร้อมทั้งดำเนินคดีนางวีรยา และนางโชติรส ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
"อยากจะฝากถึงนายนพพล ให้เข้ามอบตัวต่อตำรวจโดยเร็ว ซึ่งพร้อมจะให้ความเป็นธรรม ขณะเดียวกันเตรียมที่จะขยายผลไปยังเครือข่ายของนายชาญชัย ที่ร่วมขบวนการค้ายาบ้าด้วย" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำหรับนายนพพล เป็นผู้ต้องหาค้ายาบ้ารายใหญ่ที่ถูกตำรวจภูธรภาค 1 ขึ้นบัญชีดำเอาไว้ แต่จะขึ้นบัญชีของ บช.ปส.ด้วยหรือไม่นั้น จะต้องประสานงานขอข้อมูลมาตรวจสอบเสียก่อน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ก่อนหน้านี้นายนพพลได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วถึง 6 ครั้ง โดยใช้รถกระบะอีซูซุ ไฮแลนเดอร์ สีขาว 4 ประตู แม็กซ์สีทอง ติดทะเบียนป้ายแดง ก่อเหตุ 3 ครั้ง ซึ่งจากการตรวจค้นแมนชั่นพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญ
ส่วนนายชาญชัยที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญนั้น มีอาการทางประสาท ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับปืน และยังชอบสะสมปืน เมื่ออาการทางประสาทกำเริบก็มักจะพกปืนออกไปยิงรถชาวบ้านเพื่อระบายอารมณ์
"คดีที่สอบสวนแล้วพบว่าเป็นฝีมือนายนพพล คือ 1.เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553 เวลาประมาณ 19.00 น. ใช้ปืนยิงรถตู้โดยสารของนายภาคิน หิรัญทวีโชค อายุ 40 ปี กระสุนถูกกระจกด้านคนขับและล้อหน้า แต่ไม่มีคนเจ็บ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธินขาขึ้นสระบุรี ใกล้ต่างระดับแยกพระนครศรีอยุธยา 2.ประมาณปลายเดือนกันยายน 2553 เวลาประมาณ 19.00 น. ขับรถปิกอัพอีซูซุ ไฮแลนเดอร์ สีขาว 4 ประตู แม็กซ์สีทอง ติดทะเบียนป้ายแดง ใช้ปืนยิงรถยนต์ฮอนด้า ยาริส ป้ายแดง ของนายนิรัญ อันทะปัญญา อายุ 29 ปี เหตุเกิดบนถนนสายเอเชีย ระหว่างศูนย์อุสาหกรรมไฮเทค 3.เมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2553 ขับรถปิกอัพอีซูซุคันเดิมใช้ปืนยิงใส่รถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ของนายธนาคาร ศิลป์นิคม อายุ 22 ปี" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า คดีที่ 4 เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2553 ขับรถปิกอัพคันเดิมไปยิงรถแท็กซี่ เหตุเกิดระหว่างบริษัทมินิแบร์-ต่างระดับแยกพระนครศรีอยุธยา 5.เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2553 เวลากลางวัน ขับรถยนต์นิสสัน เซฟิโร่ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ใช้ปืนยิงรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ของนายวัฒนา ตาแสน เหตุเกิดบนถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ ก่อนถึงด่านเก็บเงินบางปะอิน และล่าสุดเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องโตมี่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้นายนพพลก่อเหตุเอาไว้ 3 ประเด็นคือ ความคึกคะนอง ระแวงว่าจะถูกตำรวจจับกุม และการชอบทำตัวเป็นขาใหญ่ใช้อาวุธปืนที่มีกราดยิงใส่ผู้อื่น แต่ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่การระแวงว่าจะถูกสายของตำรวจล่อซื้อมากกว่า ทำให้ก่อเหตุดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้นายนพพลกับพวกก็เคยใช้อาวุธปืนยิงใส่ด่านตรวจและตำรวจ สภ.คลองหลวง จนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว
วันเดียวกัน พ.อ.ม.ล.ประวีร์ จักรพันธุ์ ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ได้สั่งการให้ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เสกสรร วัฒนพงษ์ สวญ.สภ.คลองลึก และ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว ร่วมกันนำกำลังพร้อมอาวุธครบมือออกลาดตระเวนตามเส้นทางเลาะตระเข็บแนวชายแดน และจัดชุดดักซุ่มเข้าประจำจุดต่างๆ ที่สามารถลักลอบออกไปยังฝั่งกัมพูชา โดยที่บริเวณจุดตรวจบริเวณหน้าด่านพรมแดนบ้านคลองลึก และจุดตรวจขาออกด่าน ตม.อรัญประเทศ เจ้าหน้าที่ประจำด่านได้ทำการตรวจค้นอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและสกัดกั้นนายนพพล ประสงค์ศิล หรือ จิ๊ป ไผ่เขียว
"ทหารพรานร่วมกับ ตร.สภ.คลองลึก และ ตม.สระแก้ว ออกสกัดและบล็อกเส้นทางชายแดนไว้ทุกจุดแล้ว หาก จิ๊ป ไผ่เขียว จะหลบหนีออกไปเขมรทางด้านนี้คงไม่รอดแน่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่า จิ๊ป ไผ่เขียว จะหลบหนีมาทางด้านนี้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ประมาท นำกำลังสกัดไว้ทุกช่องทางแล้ว" ร.อ.ชาญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นายสุภัค ดีผิว นางสำรวย ดีผิว และญาติๆ ได้เดินทางไปรับศพน้องโตมี่ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดหนองม่วง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี โดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาดูแลและอำนวยความสะดวก
นางสำรวย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับการจากไปของน้องโตมี่ ปกติน้องโตมี่เป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย ซึ่งก่อนหน้านี้น้องโตมี่ เคยบอกว่า โตขึ้นอยากเป็นตำรวจแบบน้าชายและลุง โดยเฉพาะเมื่อดูหนังหรือละครทีวีที่มีบทคนร้ายรังแกชาวบ้าน น้องโตมี่จะชอบดูและพูดเสมอว่า โตขึ้นจะเป็นตำรวจเพื่อปราบคนร้าย
"ตอนที่น้องโตมี่สิ้นใจนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สอบถามว่า ต้องการความช่วยเหลือด้านในบ้าง ตอนนั้นยังตอบไม่ถูก แต่ตอนนี้คิดว่า น้องโตมี่อยากเป็นตำรวจแบบน้าชายและลุงของเขา ซึ่งก็อยากขอกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า อยากให้พี่ชายของน้องโตมี่ คือนายจักรพันธ์ ดีผิว ซึ่งกำลังเรียนอยู่ในระดับปริญญา ให้เข้ารับราชการตำรวจแทนน้องโตมี่ เพื่อสานต่อสิ่งที่น้องโตมี่ต้องการ" นางสำรวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญไปแล้ว 1 คน นางสำรวย กล่าวว่า ทราบข่าวแล้ว และรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทราบถึงกลุ่มคนร้าย แต่ส่วนตัวขออโหสิกรรมให้แก่คนที่ทำร้ายน้องโตมี่ ขออย่ามีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย และอยากฝากไปถึงกลุ่มแก๊งคนร้ายที่ชอบก่อเหตุกับผู้บริสุทธิ์ หรือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแล้วตกเป็นเหยื่อ ขอให้หยุดการกระทำและขอให้น้องโตมี่เป็นรายสุดท้าย อย่าให้มีคนเดือดร้อนจากเรื่องแบบนี้อีกเลย
ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติติดราชการ จึงมอบหมายให้ตมาดูแลและอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งนำเงินช่วยเหลือในการทำศพมามอบให้พ่อและแม่ของน้องโตมี่ ส่วนที่พ่อแม่ของน้องโตมี่อยากให้พี่ชายของน้องโตมี่เข้ารับราชการตำรวจนั้น ตนจะนำเรื่องนี้เสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป