
น้องโตมี่เสียชีวิตแล้วตร.วิสามัญมือยิง
ตร.วิสามัญ "โจ๊ก ไผ่เขียว มือยิง"น้องโตมี่" ขณะดวลปืนสนั่นแมนชั่นอ.บางปะอินกรุงเก่า น้องชายหนีรอดไปได้ ด้าน"น้องโตมี่"สิ้นใจแล้ว
เหตุสะเทือนขวัญกรณีแก๊งซิ่งจยย.ไล่ยิงถล่มรถเก๋งโตโยต้ายาริสป้ายแดง บนถนนสายเอเชีย กม.1ขา เข้ากรุงเทพฯ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนายจักรพันธ์ ดีผิว อายุ 19 ปี ขับพาญาติพี่น้องรวม 7 คน จะไปเยี่ยมพ่อที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ด.ช.โภคิน ดีผิว หรือน้องโตมี่ หนูน้อยเคราะห์ร้าย อายุ 12 ปี ถูกยิงเข้าศีรษะอาการโคม่า อยู่ในภาวะสมองตาย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไล่ล่าหาตัวคนร้ายที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมมาเกือบสัปดาห์ ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุยิงน้องโตมี่ หลังจากใช้เวลาสืบสวนกว่า 1 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ทุกวิถีทางในการสืบสวน เริ่มจากใช้วิธีการจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด รวมทั้งรวบรวมหลักฐานหลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุเป็นชนิด 9 มม. กล็อก นอกจากนี้แนวทางการสืบสวนยังพบว่า รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยี่ห้อฮอนด้า ซีบีอาร์ สีแดงคาดดำ หรือซูเปอร์โฟร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลดังกล่าว จึงกระจายกำลังออกตามหารถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา รวมกว่า 200 กระบอก รวมทั้งค้นประวัติของคนร้ายที่เคยก่อเหตุและใช้อาวุธปืนในลักษณะเดียวกันในคดีเก่าทั้งหมด กระทั่งมาพบปลอกกระสุนปืนที่แก๊งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยิงในคืนวันลอยกระทงบริเวณชุมชนไผ่เขียว ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุห่างประมาณ 1 กิโลเมตร จึงเก็บไปตรวจสอบ พบว่า ปลอกกระสุนปืนดังกล่าวตรงกับปลอกกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิงน้องโตมี่ ทำให้ทราบชื่อเจ้าของปืนคือ นายนพพล ประสงค์ศิล หรือจิ๊ป ฉายา "จิ๊ป ไผ่เขียว" อายุ 23 ปี ขาใหญ่ที่ชอบทำตัวเป็นอันธพาลใน อ.บางปะอิน ซึ่งตำรวจคาดว่า อาจโยงกับคนร้ายกลุ่มเดียวกัน จึงออกตามประกบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้ นายจิ๊ปยังไม่เข้าบ้านพักในชุมชนไผ่เขียว
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระพระนครศรีอยุธยา เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมชุดสืบสวนเข้าร่วมประชุมในคดีดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระอินทร์ราชา นำโดย พ.ต.ท.ประสงค์ เทพรักษ์ สวญ.สภ.พระอินทร์ราชา นำข้อมูลเชิงลึกการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาให้แก่ พล.ต.ต.อนุรักษ์ได้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายจิ๊ป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายจิ๊ปชอบทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล และชอบยิงปืน จึงมีมความเป็นไปได้สูง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ไปติดตามแล้ว แต่ยังไม่พบตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พุ่งเป้าไปที่นายจิ๊ปคนเดียว เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปตรวจค้นสถานที่ออกเงินกู้เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 8 แห่ง เพื่อตรวจค้นหารถจักรยานยนต์ที่ต้องสงสัย และในวันเดียวกันยังได้แจกจ่ายรูปถ่ายลักษณะของรถคนร้ายไปตามที่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ซึ่งในรูประบุเป็นรถจักรยานยนต์ซีบีอาร์ ซึ่งตำรวจได้รับเอกสารประกาศนี้นำไปตรวจสอบและสังเกตรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ของตน
ขณะเดียวกัน ที่ สภ.พระอินทร์ราชา พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพรรณ รองผบก.ภ.ขว.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกพ.ต.ท.ประสงค์ สวญ.สภ.พระอินทร์ราชา หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน เข้าร่วมประชุมอย่างเคร่งเครียด โดยมีตำรวจจากกองปราบปรามมาร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อจะดำเนินคดีกับนายจิ๊ป ซึ่งมีหมายจับคดียิงตำรวจ สภ.คลองหลวง เนื่องจากขณะนี้มีหลักฐานพอจะทำให้เชื่อว่า นายจิ๊ปก่อเหตุครั้งนี้ โดยตำรวจได้ตรวจสอบปลอกกระสุนที่พบ และมีความพอใจหลักฐานที่ประกอบกัน คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตัวนายจิ๊ปมาสอบสวนในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงใต้สะพานต่างระดับ จุดแยกไปพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายขี่จักรยานยนต์แยกไปแล้วมีการยิงปืนใส่รถยนต์ผู้เสียหายอีกหลายนัด อาจจะมีปลอกกระสุนตกลงบริเวณใต้สะพาน
ส่วนประวัติของนายจิ๊ป อายุ 23 ปี มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยนายจิ๊ปใช้ปืนกล็อก และรถจักรยานยนต์ซูเปอร์โฟร์ นอกจากนี้นายจิ๊ปยังเคยพัวพันกับยาเสพติด และมีหมายจับของตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีในคดียิงตำรวจในช่วงก่อนวันลอยกระทงที่ผ่านมา แต่หลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด อีกทั้งนายจิ๊ปเคยยิงใส่ด่านตรวจของตำรวจปทุมธานีถึง 2 ครั้ง
ส่วนความคืบหน้าอาการน้องโตมี่ ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้านั้น วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" เดินทางไปติดตามอาการน้องโตมี่ที่โรงพยาบาล โดยนางสำรวย ดีผิว มารดาน้องโตมี่ กล่าวว่า แม้จะทราบจากหมอที่ดูแลรักษาอาการของลูกชายว่า หลังจากการผ่าตัดอย่างละเอียดอาการของลูกชายจะไม่สามารถกลับมาหายได้เหมือนเดิม และต้องอยู่ด้วยเครื่องช่วยหายใจก็ตาม แต่ทางครอบครัวยังคงมีหวังอยู่ โดยได้บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือในหลายๆ ที่ ให้ช่วยเกิดปาฏิหาริย์ทำให้ลูกชายตื่นขึ้นมา แม้จะเป็นเพียงความหวังเล็กๆ แต่คนในครอบครัวหวังให้ปาฏิหารย์นี้เกิดขึ้น พร้อมยืนยันจะไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจ แม้หมอจะบอกว่า ลูกชายอยู่ได้ในตอนนี้เพราะเครื่องช่วยหายใจ
"เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากอยุธยาโทรศัพท์มาหา แล้วแจ้งว่า ขณะนี้ได้เบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ลงมือแล้วว่า เป็นกลุ่มแก๊งเงินกู้ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ครอบครัวดีใจที่ตำรวจกำลังจะนำตัวคนผิดมาลงโทษได้ และดิฉันอยากรู้ว่า ทำไมต้องมายิงใส่รถคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย ทำไปเพราะอะไร" มารดาน้องโตมี่ กล่าว
ขณะที่ นพ.ธวัชชัย วงศ์คงสวัสดิ์ ผอ.โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชีพจรกับความดันของน้องโตมี่กลับมาอยู่ในเกณฑ์เกือบปกติ แต่วันต่อมาอาการเกิดทรุดลงไปอีก แบบดีขึ้นสุดแล้วดิ่งต่ำลง เนื่องจากสภาวะของสมองที่ยังรับรู้ตอบสนองกับยาที่ให้ไป จึงทำให้อาการดีขึ้น แต่เมื่อสภาวะสมองเริ่มตายลง การให้ยาไปก็เริ่มไม่ตอบสนอง และมีอาการทรุดลงอย่างที่เห็น อาการขณะนี้ แพทย์ที่ผ่าตัดรักษาวินิจฉัยแล้วว่า ไม่สามารถรักษากลับมาให้หายเป็นปกติได้แล้ว เนื่องจากสมองส่วนใหญ่เสียหายไปค่อนข้างมาก อาการจึงอยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ต้องปล่อยให้ครอบครัวเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป
ต่อมาเวลา 19.00 น. นายแพทย์ สกล สุขพรหม แพทย์เจ้าของไข้ ด.ช.โภคิน ดีผิว หรือน้องโตมี่ อายุ 12 ปี เหยื่อคมกระสุนแก๊งโหด เปิดเผยว่า น้องโตมี่ได้เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ขณะรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า หลังจากได้พยายามแจ้งให้ญาติทำใจขณะรักษา เนื่องจากคนไข้มีอาการสมองบวมและให้ยากระตุ้นความดันเลือด รวมถึงระบบการหายใจ และวันนี้ร่างกายคนไข้ไม่ตอบสนองต่อยาที่ให้ไป ความดันเริ่มลดลงและสิ้นใจอย่างสงบในที่สุด
โดยญาติกับทีมแพทย์ที่ให้การรักษาได้พูดคุยทำความเข้าใจแล้วว่าหากคนไข้ไม่หายใจก็จะไม่ทำการปั๊มหัวใจ เนื่องจากได้ให้ยากระตุ้นรักษาอย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้ว
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้นำศพน้องโตมี่ส่งชันสูตรที่ รพ.ตำรวจ จากนั้นทางญาติจะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองม่วง จ.ลพบุรี
ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. ร.ต.อ. พุฒิพงศ์ อินทาระ ร้อยเวร สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญคนร้ายที่บริเวณหน้าสมายด์แมนชั่น ริมถนนโรจนะ เส้นทางอยุธยา มุ่งหน้าวังน้อย ม.4 ต.คานหาม อ.อุทัย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ พร้อมด้วย พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง รรท.ผบช.ภ. 1 พล.ต.ต. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผช.ผบช.ภ. 1 พล.ต.ต. อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ. นครพัฒน์ พรมพรรณ รองผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ. นฤนาท พุทไธสง ผกก.สส.ภจว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน บช.ภ. 1 และชุดสืบสวน ภจว.พระนครศรีอยุธยา หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจไปยังที่เกิดเหตุ
บริเวณคูน้ำข้างทางเข้าแมนชั่นดังกล่าว พบศพนายชาญชัย หรือโจ๊ก ไผ่เขียว ประสงค์ศิลป์ อายุ 29 ปี บ้านอยู่เลขที่ 12/3 ม. 6 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สวมเสื้อยืดดำ กางเกงขายาวสีดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่ศรีษะรวม 4 นัดนอนหงายในพงหญ้า ที่ข้างลำตัวพบอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ กระสุนถูกยิงไปแล้ว 2 นัด เจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนห้องพักที่อยู่ชั้น 7 ห้องพักหมายเลข 4713 ซึ่งเป็นห้องพักของนายชาญชัย พบผู้หญิงอยู่ในห้อง 1 คนจึงทำการควบคุมตัวไว้สอบสวน จากนั้นได้เข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข 4707 พบยาบ้าจำนวน 17 มัด อาวุธปืนกล็อก ,ปืนลูกโม่ จำนวน 9 กระบอก ห้องหมายเลข 4701 พบปืนอีก 4 กระบอก ซึ่งห้องพักทั้งหมดคนร้ายได้เช่าทิ้งไว้
สำหรับการวิสามัญครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีสายสืบแจ้งข้อมูลว่า นายชาญชัย หรือโจ๊ก และนายนพพล ได้มาเปิดห้องเช่าดังกล่าว ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อม และเข้าแสดงตัว แต่ทางนายชาญชัยได้ใช้อาวุธปืนกล็อก ยิงเปิดทางหนี ทำให้ตำรวจต้องทำการยิงสวนเพื่อป้องกันตัว และขณะที่นายชาญชัยกำลังกระโดดหนีลงไปในพงหญ้าใกล้เคียงแมนชั่นดังกล่าว ตำรวจได้ยิงเข้าที่ลำตัวและที่ศีรษะ ทำให้นายชาญชัยเสียชีวิตทันที
หลังเกิดเหตุนายนพพล ได้ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าและหลบหนีเข้าไปภายในแมนชั่นพร้อมกับมีเสียงปืนยิงออกมาเป็นระยะๆ ตำรวจต้องยิงตอบโต้ จนกระทั่งเสียงปืนเงียบตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในแมนชั่นดังกล่าวแต่ไม่พบตัว และยังได้เข้าตรวจค้นที่บริเวณท่อระบายน้ำด้านข้าง เนื่องจากได้ข้อมูลจากชาวบ้านเห็นชายต้องสงสัยหลบอยู่ด้านใน เมื่อเข้าตรวจสอบไม่พบร่องรอยแต่อย่างใด
ด้านพล.ต.อ. อัศวิน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายโจ๊ก หรือนายชาญชัย เป็นคนร้ายที่ลงมือยิงรถยนต์ยาริส และกระสุนปืนได้ถูกน้องโตมี่เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา และมีเบาะแสว่ามีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าด้วย จึงนำกำลังมาดักซุ่ม เป็นจังหวะเดียวกันกับนายโจ๊กเดินออกมาเห็นตำรวจ จึงเปิดฉากยิงกัน ส่วนายจิ๊บ พี่ชายหลบหนีไปได้ จนท.กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
"ขอร้องญาติของคนร้ายหรือผู้ที่รู้เบาะแส ให้นำตัวนายนพพลเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ เพราะเกรงว่าอาวุธปืนที่นายนพพลพกไปด้วยนั้น อาจจะทำให้มีการยิงตอบโต้กับตำรวจ ซึ่งตำรวจจะพยายามทำให้ดีที่สุด" พล.ต.อ.อัศวินกล่าว