
หรืออาวุธคืออำนาจ ?
ใครที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.เทพา จะนะ สะบ้าย้อย และ อ.นาทวี เป็นครั้งแรก ท่านคงจะอกสั่น หวั่นๆ หวาดผวา หวาดระแวงและหวาดกลัว เพราะข่าวคราวของความไม่สงบในพื้นที่ที่มีมานานกว่า 7 ปีกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
คือสรรพคุณที่ถูกบรรยายทั้งสื่อมวลชนหลากหลายสาขาและสื่อปากต่อปากที่ชอบพูดคุยแต่เรื่องความเลวร้าย (ประเภทหาความดีไม่ได้เลย) ทำให้เห็นว่าความไม่สงบที่น่ากลัวจนหัวอกหัวใจแทบไม่อยากได้ยินเรื่องราวของมันเลย ประกอบกับเมื่อท่านจะเข้าเขตพื้นที่เหล่านั้นท่านต้องผ่านด่าน ผ่านการตรวจตราดูแลของเจ้าหน้าที่มากมาย มีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อสีพราง สีดำ สีกากี และตลอดจนชายฉกรรจ์ (ไม่ใส่เครื่องแบบ) ที่พกอาวุธสงคราม ทั้งปืนยาว ปืนสั้น ทั้งที่เดินเท้า นั่งรถจักรยานยนต์ รถหุ้มเกราะ รถสายพาน รถกระบะ รถจี๊ป รถทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองในพื้นที่ หน้าตาแต่ละคนดูจะหาความเป็นมิตรกับคนในพื้นที่ได้ไม่ง่ายนัก
ในวันสำคัญๆ ของศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีน ปีใหม่ ฉลองเจ้าพ่อเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนท้องถิ่นตลอดจนวันสำคัญทางศาสนาของคนมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่ มักจะมีข่าวคราวเสมอๆ เป็นระยะๆ ว่าจะมีการก่อเหตุร้ายสารพัด เจ้าหน้าที่ประจำด่าน ประจำสถานที่ราชการ ประจำที่สำคัญๆ อื่น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เป็นทหารเกณฑ์หรือทหารชั้นผู้น้อย วุฒิภาวะ คุณภาวะที่ยังเป็นวัยรุ่นทั้งหลายต้องทำงานตากแดดตากฝน หน้าดำหน้าแดง เป็นชั่วโมงๆ มักจะมีอารมณ์เครียดสีหน้าดุดัน ใครผ่านใครมาผ่านหน้าตัวเองเผลอลืมขับรถเพลิน ไม่เปิดกระจกข้าง ไม่ปิดไฟหน้าจะโดนตะคอกใส่ “เฮ้ยเปิดกระจก" เมื่อถึงด่าน!!!(พร้อมคำพูดที่ไม่น่าฟังและสีหน้าแสดงอำนาจ ในขณะที่มือขวาเกร็งกับอาวุธประจำกาย)...ชาวบ้านบางคนถึงกับบ่นว่า...นี่ชาวบ้านผิดใช่ไหม ? หลายต่อหลายครั้งรถติดตามด่านตรวจเป็นแถวยาว ในเวลาเร่งด่วนทั้งภารกิจราชการและเอกชน มีเสียงบ่นมากมายหนาหูว่า...นี่เราจะต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกนานแค่ไหน
ทำนองเดียวกันในสังคมทั้งชนบทและในเมืองมีป้ายหรา คัตเอาท์ใหญ่โต รณรงค์และต่อต้านยาเสพติด ในเวลาเดียวกันสามารถกล่าวได้ว่าเกือบทุกชุมชนมีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการเสพยา ดื่มกินใบกระท่อม สำมะเลเทเมาอย่างสนุกสนาน และจะดูยิ่งมีความสะดวกสบายมากขึ้น (ในขณะที่เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธตรวจตรากระชับพื้นที่เกือบทุกตารางเมตร?)ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอนาคตให้ไกลไป 10 หรือ 20 ปี เพราะถึงเวลานั้นจะหาลูกหลานเยาวชนเข้าเรียนหนังสือและทำยาดีได้ยากนัก และในบ้านในเมืองคงจะมีแต่เรื่องเหล่านี้มาเกี่ยวมาข้องกับความไม่สงบทั้งปวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้แต่น้อย บ้านเมือง รัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ ผู้นำและประชาชนทั้งหลายจะตอบให้แก่ตัวเองและประชาคมโลกได้อย่างไร หรือว่ารัฐบาลจะด้านหน้าเดินต่ออย่างที่เป็นอยู่ เพราะมีอย่างอื่นที่แฝงเร้นและสร้างคุณประโยชน์กับตัวเองและพรรค (การเมือง) พวกอิทธิพลอำนาจมืดมากกว่าประชาชน และโกหกมดเท็จสร้างความชอบธรรมสารพัดเพื่อจะตบตาต่อชาวโลกว่า “เรา (รัฐบาล) เดินมาถูกทางแล้ว”
ถึงแม้ว่าในบางพื้นที่ บางหน่วยได้พิจารณาผ่อนคลายการตั้งด่านสกัดบนถนนหลวง เพื่อให้การจราจรของประชาชนได้สะดวกโดยเอาเครื่องขีดขวางออกจากถนน แต่มีไม่น้อยที่เครื่องขีดขวางถูกวางให้รถราต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเป็น 10 เลี้ยว หรือถูกวางในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการขับยานพาหนะเช่นวางที่ทางโค้ง ทางคับแคบหรือทางชันที่รถต้องการความเร็ว และที่น่าจะตั้งคำถามเป็นพิเศษให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการดูแลด่านหรือจุดตรวจทั้งหลายให้พิเคราะห์ถึงความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริงว่า แท้จริงมันช่วยบรรเทาหรือลดความรุนแรงได้มากจริงหรือ และบางแห่งด่านและจุดตรวจตั้งเยื้องๆ หรือใกล้กับศาสนสถานทั้งวัดและมัสยิดมันทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ดีมากนักหรือ? หรือมันช่วยให้ชาวบ้านชาวช่องมันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจริงนักหรือ ? หรืออาวุธคืออำนาจที่ครองใจประชาชนจริงๆ หรือ?
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตแห่งความมั่นคงของตนเองอย่างจริงจังกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เพราะบ้านนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้เจ้าของที่แท้จริงคือ “พลเมืองไทย” หาใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่งที่มีอาวุธ มีอำนาจเหนือประชาชน ที่เขาเหล่านั้นหาทุกข์หาร้อนกับความยากลำบากสารพัดของประชาชนคนท้องถิ่นมากจริงหรือ ?
อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง [email protected]