
ทัวร์นครวัดนครธมยกเลิกนับสิบหลังไทยเขมรปะทะ
เสียงปืนแตกการค้าขายชายแดนไทย - กัมพูชาซบเซา ชาวบ้านพร้อมอพยพเข้าที่ปลอดภัย ประธานการค้าการท่องเที่ยวเผย เหตุไม่สงบทำให้สูญเงินนับล้าน หลังทัวร์ต้องยกเลิก
เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังไทย - กัมพูชาที่ภูมะเขือ อ. กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลกระทบตลาดการค้าขายชายแดนไทย - กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นตลาดร้างทันที
เดิมมีชาวกัมพูชาขึ้นมาจับจ่ายใช้สอยนับ 1,000 คนต่อวันเงินสะพัดนับ1,000,000 บาทต่อวัน กลับมีเหตุการณ์ปะทะกันของกำลังทหาร 2 ประเทศ ชาวกัมพูชา ไม่มั่นใจในความปลอดภัย ไม่กล้าเข้าซื้อสินค้าฝั่งไทย พ่อค้าแม้ค้าตลาดกัมพูชาปิดร้านหนีตายจ้าละหวั่น
เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ผู้ประกอบการค้า - การท่องเที่ยวทัวร์นครธม - นครวัดถูกยกเลิกนับ 10 เที่ยว สูญรายได้นับ 1,000,000 บาท พ่อค้าแม่ค้าโอดเศรษฐกิจ ยิ่งทรุดกลับมีเหตุการณ์ความตึงเครียดเกิดขึ้น ยิ่งทำให้ตลาดทรุดหนักวอนทุกฝ่ายให้ยุติการใช้กำลัง ใช้หลักการเจรจาแบบกัลยาณมิตร สร้างสัมพันธภาพที่ดีแก่กัน การมีประโยชน์ร่วมเพื่อปากท้องประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานการค้า - การท่องเที่ยวช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนเองประกอบธุรกิจด้านการค้า การท่องเที่ยวนครธม - นครวัด ซึ่งมีประชาชนชาวไทยจากทั่วทุกภูมิภาคสั่งจองทัวร์ ร่วม 3 กลุ่มในการท่องเที่ยวช่องเทศกาลสงกรานต์เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ดูสิ่งมหัศจรรย์โลกระหว่างวันที่ 3 - 19 เมษายน 2552 จากจังหวัดเชียงใหม่ ระนอง
" เมื่อเหตุการณ์ปะทะกันที่ภูมะเขือ เป็นผลให้ทางลูกทัวร์ขอยกเลิกโปรแกรมทั้งหมด ตนสูญเสียรายได้ในพริบตานับ 1,000,000 บาททันที ผลพวงกระทบต่อการสร้างรายได้ในชุมชน โรงแรม แม่ค้าขายข้าวแกง แม่ค้าขายของที่ระลึก คนขับรถ ลูกหลานที่เกี่ยวข้อง" นายหัตถชัย กล่าวและว่า
ตนเองคิดว่าเรามีพื้นที่เขตแดนไทย - กัมพูชา ที่มีปัญหากัน มันก็มีทั้งโลก แต่อยู่ที่การบริหาร การจัดการ ควรให้คณะกรรมการชายแดน กรรมการปักปันเขตแดนทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ดูแล ไม่ควรให้กองกำลังของแต่ละฝ่ายก้าวก่ายกัน
" เราฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างไร เราแยกแยะไม่ออกหรอกยิ่งด้านสังคม วัฒนธรรม การไปมาหาสู่กันมีมาแต่ในอดีตกาล เราไม่ควรสร้างความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน หันหน้ามาค้าขาย สร้างประโยชน์ร่วมทั้ง 2 ประเทศ ยิ่งเราได้เปรียบดุลการค้าอยู่แล้ว ควรสร้างความเชื่อมั่นให้มากยิ่งขึ้น "นายหัตถชัย กล่าวและว่า
ทั้งนี้ ให้ดูอย่างประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ประเทศเหล่านี้เขาสามารถสัมปทานด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชาแทบทั้งสิ้น เราฐานะประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกันกลับไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตรงนั้นเลย ยิ่งเขมรเป็นประเทศที่ขี้ฟ้องด้วย ไทยเราขยับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆเขาไม่ฟ้องระดับภาคีของภูมิภาค แต่กลับฟ้องระดับนานาชาติของโลกเลย
ยิ่งมีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นอย่างนี้อีกคนเขมรยิ่งปลุกระดมความรักชาติ สร้างความจงเกลียดจงชังคนไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมออกอากาศทางวิทยุ โทรทัศน์ที่รับฟัง รับชมได้ผ่านจานดาวเทียมเมืองไทย หาว่าไทยอยากได้ดินแดนเขมรแท้ที่จริงไม่ใช่ แต่กระแสความรักชาติแรงกว่าประเทศเรา ยิ่งการเมืองของเขามีเสถียรภาพมากกว่าฝั่งไทย เขาฉวยโอกาสช่วงการเมืองไทยอ่อนแอตรงนี้แหละสร้างกระแส ตนมองว่าหากเราหันหน้าเจรจาอย่างจริงจัง จริงใจต่อกันเหตุการณ์ตรงนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก
สำหรับคนไทยที่อยู่ฝั่งประเทศเขมรข่วงนี้มีอยู่ 2 บริษัทที่ก่อสร้างเส้นทางอยู่ปันทายศรี จ.เสียมราฐ จ.พระวิหารของ บริษัทสุรินทร์ธนวัฒน์ บริษัท ช.การช่าง จำนวนประมาณ 50 คน ส่วนเครื่องจักกล เครื่องยนต์หนักกลับขึ้นมาก่อนจำนวนมากแล้วเพราะสิ้นสุดโครงการ ตนเชื่อเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่รุนแรง เพราะชาวบ้านโดยทั่วไปเขาชื่นชอบคนไทย เขามักกล่าวเสมอว่า การปะทะกันเป็นเรื่องของจนท.รัฐบาล ส่วนประชาชนทั่วเป็นญาติ ๆ กัน
นายปอนด์ เหมือนมาด อายุ 57 ปี พ่อค้าขายของชำ ตลาดไทยช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่าตนไม่รู้สึกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ากองกำลังเกิดการปะทะกันเพราะเมื่อปีที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ผู้คนในตลาดหอบลูกจูงหลานหนีกันจ้าละหวั่น
" ตนพร้อมครอบครัวอยู่เฉยเราจะหนีไปไหน บ้านเราเมืองเราอยู่ที่นี่ หากจะตายอยู่ที่ไหนก็ตายทั้งนั้น แต่สำคัญที่ว่าการค้าขายซบเซา มา 2 นัดแล้ว ด้วยทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ เป็นวันตลาดนัดของ 2 ชาติไทย - กัมพูชา ที่ผ่านมาคนเขมร ขึ้นมาน้อยมากอย่างผิดสังเกต เมื่อมีเหตุการณ์ขึ้นอย่างนี้ จึงรู้การค้าเงียบเหงาถนัดตาเลยวันนี้ "
น.ส.บุญ เอง อายุ 21 ปี ชาวบ้าน 105 ต.ปะอาว ต.ตระเปียงประสาท จ.อุดรมีชัย มารับจ้างเป็นแม่บ้านตลาดฝั่งไทย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาญาติของตนเองก็โทรศัพท์มาบอกว่าให้เก็บเสื้อผ้ากลับประเทศ เพราะมีการปะทะกันขึ้น แต่ตนเองไม่กลับหรอก รอบนี้เชื่อไม่รุนแรงอย่างที่คิด เพื่อน ๆ ก็เหมือนกันจะไม่เดินทางกลับประเทศ
นายอนุพัฒน์ ภิญโญ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านแซรไปรใต้ หมู่ที่ 8 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หมู่บ้านของตนเป็นหมู่บ้านที่อยู่สุดท้ายของแผ่นดินไทย เป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางขึ้นช่องสงำ ห่างออกไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ
หากเกิดเหตุการณ์ทางด้านนี้ตนได้เตรียมการไว้ตั้ง คณะกรรมการของหมู่บ้านดูแล โดยมีการประชุมชาวบ้านที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งเมื่อคราวก่อนโน้น ด้วยการตีเกราะ ประกาศผ่านหอกระจายข่าวนำคนชรา คนด้อยโอกาส คนพิการ ผู้หญิงอพยพเข้าหลุมหลบภัยของหมู่บ้านที่มีจำนวน 5 หลุม
ส่วนผู้แข็งแรง ชายฉกรรจ์คอยจัดเวรยามเฝ้าหมู่บ้านโดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเพื่อความไม่ประมาท แต่ตรงนี้วันนี้ยังไม้แจ้งชาวบ้านทราบลักวชาวบ้านตื่นตระหนก เพียงแค่เตรียมพร้อมประชุมคณะกรรมการของหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องแล้วพร้อมเต็มที่สำหรับการอพยพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทดีที่สุด
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทหารเขมรนำกำลังจากส่วนกลางหน่วยรบพิเศษ รวมกับกองพลใหญ่ที่ 2 ซึ่งจากการดูแลของพล.ท.อุย สุเพียบ เข้ามาเสริมตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา นับ 1,000 คน พร้อมอาวุธครบมือ โดยมีการจัดให้ประชาชนที่อยู่ตลาดการค้าขายตลาดฝั่งเขมรปิดร้านค้า แล้วอพยพไปอยู่ที่เมืองอัลลองเวง เพื่อความปลอดภัย