บอลไทยสถิติข่มลาวศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ | คมชัดลึก

 หลังจากอกหักพลาดแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” 2 ครั้งสุดท้าย ทีมนักเตะไทยเตรียมลงประเดิมสนามในรายการนี้อีกหนหนึ่ง พบทีมชาติลาว ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ที่สนามเสนายัน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เวลา 17.00 น. ช่อง 7 สีถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือใหญ่ ที่ปล่อยนักเตะซึ่งล้าจากเกมชิงชนะเลิศมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ คลายกล้ามเนื้อบริเวณสระน้ำโรงแรมสุลต่านที่พัก ส่วนที่เหลือไปเล่นกับบอลที่ข้างสนามเสนายัน ส่วนช่วงเย็นเจ้าภาพจัดคิวซ้อมในเวลา 18.00 น. ซึ่งอนุญาตให้สื่อเก็บภาพได้แค่ 20 นาทีเช่นเดิม

 “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ผู้จัดการทีมชาติไทย เปิดเผยว่า แม้ต้องเจอปัญหาเรื่องการฝึกซ้อมร่วมกัน และนักเตะหลายคนต้องเล่นเกมหนักในนัดชิงชนะเลิศมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพมา แต่เราต้องก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าฟุตบอลไทยปัจจุบันพัฒนาไปเยอะ นักเตะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อาจมีล้าบ้าง แต่การได้พัก 2-3 วัน จะเรียกความแข็งแกร่งกลับมาได้ เพราะอย่างน้อยการที่นักเตะชุดนี้มีวินัย และประสบการณ์ที่ดีน่าจะทำให้เราผ่านได้
 “แทบไม่มีความกังวลเลยเรื่องความเข้าใจเกมของเด็กชุดนี้ เพราะเล่นกันมานาน ในรอบแรกพยายามจะเก็บ 9 แต้มเต็ม เพราะศักยภาพของเด็ก ประกอบกับการฟิตตลอดช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา จะทำให้ทีมแกร่ง สิ่งที่หวังอยากเห็นคือ ความมุ่งมั่นทุ่มเทให้ทุกเกม ที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จ ในฐานะที่เราเป็นทีมที่ดีที่สุดในอาเซียน”
 ด้าน ร็อบสัน กล่าวว่า กังวลกับเรื่องความฟิตของนักเตะ และมีการเตรียมทีมน้อย ดังนั้นนัดแรกที่จะเล่นกับลาว คงต้องดูเรื่องความพร้อมของผู้เล่นทั้งหมดค่อยตัดสินใจเลือก 11 คนแรก อีกอย่างคือ พยายามที่จะหาข้อมูลทีมลาวให้มากที่สุด แต่แทบไม่มีเลย ดังนั้นคงต้องอยู่ที่การวางแผนของเราให้ดีที่สุด

 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากสถิติที่พบกันมา 12 ครั้ง นักเตะไทยส่องประตูลาวได้มากถึง 50 ประตู เสียไป 12 ประตู เกมนัดนี้จะออกมาในรูปแบบใด กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย กล่าวว่า ด้วยมาตรฐานเราอาจเป็นต่อ แต่เท่าที่ได้ดูทีมลาวเล่น พวกเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเชื่อว่านักเตะที่ดีของเขา 2-3 คน จะช่วยทำให้ทีมแกร่ง แต่เราดีกว่า เพียงแค่ไม่แน่ใจในเรื่องความสดของลูกทีมเท่านั้น
 นอกจากนี้ ร็อบสัน ยังกล่าวถึงกรณีของ “เจ้าปาน” สุรัตน์ สุขะ ว่า กำลังประสานโดยตรงกับสโมสรเมลเบิร์น วิคตอรี ในฐานะต้นสังกัด ซึ่งเท่าที่ทราบคือ 2-3 นัดหลังไม่ได้ลงเล่น ดังนั้นเราอาจได้ตัวเขามาเร็วกว่ากำหนดก็เป็นไปได้
 ด้าน “โอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กองหลังตัวเก่งที่มีอาการวูบจากนัดชิงดำถ้วยน็อกเอาท์ กล่าวว่า กล้ามเนื้อค่อนข้างล้า เพราะมีทัวร์นาเมนต์มากเกินที่ร่างกายจะรับได้ หลังเกมนัดชิงชนะเลิศที่มีการวูบเพราะขาดเกลือแร่ ซึ่งหลังจากเกมนัดนั้นแล้วได้ให้แพทย์ฉีดกลูโคส และเพิ่มเกลือแร่เข้าในร่างกาย ถึงตรงนี้อาการดีขึ้น ส่วนเรื่องปัญหาด้านสมองนั้น ไม่มีอะไรแล้ว ถึงตรงนี้เหลือแค่เรื่องความสมบูรณ์ของร่างกาย และกล้ามเนื้อเท่านั้น ขณะที่นัดแรกอาจยังไม่ได้ลง เพราะเท่าที่คุยเบื้องต้นร็อบสันต้องการเก็บไว้ใช้งานในเกม 2 นัดหลัง

 ส่วน “น้าเทิด” เทิดศักดิ์ ใจมั่น กองกลางเล็กพริกขี้หนู กล่าวว่า เราเตรียมทีมน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ การเล่นร่วมกันมานาน น่าจะผ่านรอบแรกได้ จะไปห่วงอีกทีคงเป็นรอบตัดเชือก และชิงชนะเลิศ ซึ่งในรายการนี้ส่วนตัวมุ่งหวังอยากได้แชมป์มากที่สุด หลังจากเคยสัมผัสมาแล้ว 2 หน แต่ครั้งนี้จะสำคัญเพราะนี่คือทัวร์นาเมนต์สุดท้ายในนามทีมชาติไทยของตัวเอง
 ขณะที่นายประสาทไทร พีรพันเดช ผู้จัดการทีมชาติลาว กล่าวว่า ทีมชาติไทยเป็นทีมชั้นนำแกร่งที่สุดในอาเซียน ส่วนลาวเป็นทีมอายุน้อย มีนักเตะอายุเกิน 23 ปี เพียง 4 คน นำโดยลำเนา สิงโต ดังนั้นเกมนัดแรกเราคงหวังว่าจะมีแต้ม แต่การที่นักเตะไทยซ้อมกันน้อย และล้าจากลีกในประเทศอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ลาวมีเซอร์ไพรส์ได้

 ทั้งนี้ทีมชาติลาว ลงสนามอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย ไปเยือนและพ่าย สิงคโปร์ 0-4 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และสถิติที่พบกัน 12 ครั้งของไทยกับลาว นักเตะไทย ชนะ 11 นัด แพ้เพียงนัดเดียว ส่วนในศึกชิงเจ้าอาเซียนรายการนี้ เจอกัน 2 หนเท่านั้น ในครั้งที่ 4 ปี 2545 รอบแรก ไทย ชนะ 5-1และครั้งที่ 7 ปี 2551 รอบแรก ไทย ชนะ 6-0