ข่าว

ประกาศศักดา รสมือไทย

ประกาศศักดา รสมือไทย

30 พ.ย. 2553

คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารจนผลักดันโครงการอาหารสู่นานาชาติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าแม่โปรเจกท์ "หรีด" รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ ถึงกับบ่นอุบในฐานะผู้จัดและคณะกรรมการในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ "โครงการรสมือไทยพร้อมปรุง" เมื่อ 30 ผู้เข้าแข่งขันจากที่คัดมาจากรอบ

 แต่สุดท้ายก็ต้องมีผู้ชนะเลิศ "หรีด" รพีพรรณ ถึงกับเอื้อนเอ่ยหลังชิมครบหมด 30 เมนู ใน 5 ประเภทที่เข้าแข่งขัน ซึ่งได้แก่ ประเภทน้ำจิ้ม ประเภทน้ำปรุงรส ประเภทน้ำราดหรือน้ำสลัด ประเภทน้ำหมัก และประเภทไทย ดิพ ว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นเรื่องยากที่จะมาตัดสิน เพราะทั้ง 30 คนที่ผ่านเข้ารอบนี้มาต่างได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญและปรับปรุงเมนูของตัวเองมาแล้วอย่างดี

 "จุดเด่นโครงการนี้แน่นอนว่าต้องอร่อยถูกลิ้นไม่ว่าจะเปิดมาชิมเมื่อไหร่ก็ตาม แต่ความสำคัญอยู่ที่การคงสภาพของวัตถุดิบไทยๆ อย่างสมุนไพรที่เป็นหลักสำคัญในเมนูที่นำมาแข่งขันในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ทั้ง 30 คนก็ได้รับการวิจัยจาก 3 มหาวิทยาลัยดังว่าเมนูของเขานั้นสามารถอยู่ได้นานและมีความข้นหนืดเพื่อผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรสชาติจะต้องไม่เปลี่ยนไปจากความอร่อยที่ชนะมา ซึ่งวันนี้มีคณะกรรมการมาจากเลอโนสที่มาร่วมตัดสิน ถึงกับบอกว่าในอนาคตที่เลอโนสวางแผนว่าจะเปิดครัวของคาว เขาก็จะนำเมนูต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ในครัวของเขาด้วยอย่างแน่นอน ถือเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะให้อาหารไทยไปโลดแล่นในระดับโลกได้" ผู้จัดการคนเก่งให้รายละเอียด

 พร้อมกันนี้ ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมก็เสริมต่อว่า แน่นอนว่าผู้ชนะในโครงการนี้ต้องมีการต่อยอด มีการพาไปและสัมผัสถึงอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก และแน่นอนอย่างที่ผู้บริหารเลอโนสได้บอกไว้ว่าจะนำเมนูต่างๆ ที่ได้มีโอกาสลิ้มลองเหล่านี้ไปไว้ในครัวของเขา ซึ่งนั่นคือการต่อยอดให้อาหารไทยได้เป็นอย่างดี

 และสำหรับผู้ชนะเลิศในประเภทน้ำจิ้ม ได้แก่ เนตรดาว ปาลโพธิ์ กับเมนูน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่เผยว่ามีประสบการณ์ในเรื่องการทำอาหารทะเลกว่าเกือบ 20 ปี น้ำจิ้มที่นำมาแข่งขันในครั้งนี้ใช้เวลาการพัฒนาน้ำจิ้มซีฟู้ดถึง 7 เดือน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นและรสชาติที่จัดจ้านเพราะใช้สมุนไพรไทยเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีรสเผ็ดร้อน เพียงแต่เพิ่มความซ่าลิ้นด้วยกานพลูสมุนไพรไทย

 ประเภทน้ำปรุงรส ผู้ชนะเลิศได้แก่ ศาสตรา ฐิติวัฒน์ กับเมนูน้ำปรุงรสหมี่กรอบ ที่เจ้าตัวเผยหลังรับรางวัลว่าเป็นเมนูที่เรียนรู้มาจากคุณย่า ผนวกกับการเติบโตมากับครอบครัวที่ชอบทำอาหารจึงได้เรียนรู้กลเม็ดเคล็ดลับของเมนูอาหารไทยมาจากผู้ใหญ่ในบ้านอย่างต่อเนื่อง ส่วนจุดเด่นของน้ำปรุงหมี่กรอบนี้เชื่อว่ามาจากความกลมกล่อมครบรส และการทำให้เครื่องปรุงทุกอย่างกรอบตลอดเวลานั่นเอง ประเภทน้ำราดหรือน้ำสลัด ผู้ชนะเลิศได้แก่ นันท์นภัส วรรณะ กับเมนูน้ำสลัดกะเพราพริกไทยดำ

 ประเภทน้ำหมักได้แก่ นิสา ดวงจันทร์ กับน้ำหมักมัสมั่นแกงไฉไล ที่เจ้าตัวเชื่อมั่นว่าเมื่อนำไปคลุกเคล้าและปรุงกับเนื้อสัตว์นานาชนิดแล้วจะไม่เสียรสและคงความอร่อยเด็ดตลอด สุดท้ายกับประเภทไทย ดิพ ที่ถือเป็นที่แรกที่มีการจัดแข่งขันประเภทนี้ โดยผู้ชนะได้แก่ พยอม แก่งทองแดง กับเมนูน้ำพริกน้ำปลาหวาน ที่คงความกลมกล่อมได้อย่างลงตัว

 ทั้งนี้ ผู้ชนะทุกคนนอกจากได้รับเงินรางวัล 30,000 บาทแล้ว ยังได้เดินทางไปดูงานด้านอุตสาหกรรมอาหารที่สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา พร้อมเรียนรู้การทำอาหารกับเลอโนสอีกด้วย