
รำลึก30ปี'พล.ร.อ.สงัด'ยกเป็นทหารดี
ผบ.ทร.-วินัยร่วมรำลึก30 ปี พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ยกเป็นแบบอย่างทหารที่ดี อดีตเลขาฯคมช.เชื่อการเมืองไทยไม่แรงถึงขั้นปฏิวัติ ชี้ยังไม่ถึงทางตันเหมือนปี 49 ระบุ ปฏิวัติทางออกสุดท้ายแก้ปัญหา
(27พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่สุสาน พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ อดีตหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน จ.ระยอง พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีร่วมรำลึกครบรอบ 30 ปีการจากไปของพล.ร.อ.สงัด โดยมีพล.อ.วินัย ภัททิยะกุล อดีตปลัดกระ ทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้าร่วมงาน โดยพล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า วันนี้ตนมาทำบุญเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีการจากไปของพ.ร.อ.สงัด มีญาติมิตรที่นับถือพล.ร.อ.สงัดมาร่วมงานมากมาย เนื่องจากเห็นว่าพล.ร.อ.สงัดทำหน้าที่ให้กับประเทศชาติมากมาย เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และเป็นที่นับถือของกำลังพลกองทัพเรือมาจนถึงทุกวันนี้ กองทัพเรือระลึกถึงพล.ร.อ.สงัดเสมอ และตนดีใจได้มาร่วมงานในวันนี้ และถือว่าพล.ร.อ.สงัดเป็นแบบอย่างที่ดีที่กำลังพลรุ่นหลังที่ควรเอาตัวอย่าง ถือเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือที่มีความซื่อสัตย์สุจริต อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่เห็นแก่ประโยชน์พวกพ้องตนเอง ไม่เพียงเฉพาะที่พล.ร.อ.สงัดดำรงตำแหน่งผบ.ทร. แต่พล.ร.อ.สงัดยังเป็นผบ.สส.และรมว.กลาโหม ทำให้กำลังพลทุกเหล่าทัพมีความสามัคคี และประสานงานเพื่อทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย
เมื่อถามว่า พล.ร.อ.สงัดวางตัวทางการเมืองเหมาะสมหรือไม่ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า คงเทียบกันยากสมัยก่อนกับสมัยนี้ สมัยก่อนตนเป็นทหารชั้นผู้น้อย แต่ได้ติดตามการปฏิบัติภารกิจของพล.ร.อ.สงัด ซึ่งถือว่า พล.ร.อ.สงัดทำทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อย จากประวัติของพล.ร.อ.สงัดนั้น หลายคนสนับสนุนให้พล.ร.อ.สงัดเป็นใหญ่เป็นโต แต่พล.ร.อ.สงัดบอกว่า ไม่เอา เมื่อถามว่า ขณะนี้หลายคนพยายามจับแพะชนแกะให้เกิดเงื่อนไขการปฏิวัติ พลร.อ.กำธร กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “ไม่เคยคิดเลย”
ด้านพล.อ.วินัยกล่าวว่า พล.ร.อ.สงัด เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ และถือเป็นผู้แทนของตระกูลในการสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ รวมถึงการครองชีวิตของพล.ร.อ.สงัดนั้น ตลอดชีวิติรับราชการจนเกษียณอายุราชการ ญาติๆมีความเสียดายเพราะพล.ร.อ.สงัดทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมาย เมื่อถามว่า ยุคปฏิรูปการปกครองสมัยพล.ร.อ.สงัด กับยุคปฏิรูปปี 2549 เเตกต่างกันอย่างไร พล.อ.วินัย กล่าวว่า ส่วนใหญ่การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองคงเป็นวิธีสุดท้ายที่ทุกคนอยากจะเลือก ถ้าเหตุการณ์การเมืองหรือเหตุการณ์บ้านเมืองไม่วิกฤติถึงขนาดที่จะต้องใช้วิธีเลือกสุดท้าย คิดว่า ทุกคนคงจะหลีกเลี่ยง ไม่มีใครอยากทำ โดยเฉพาะพล.ร.อ.สงัด เพราะแสดงความปรารถนาชัดเจนว่า ไม่ต้องการมีอำนาจหรือแสวงหาอำนาจ แต่เข้าใจว่า สถานการณ์ในช่วงนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นผู้นำในการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
"ทำนองเดียวกับปี 2549 ที่การเมืองมาอยู่ในช่วงเดดล็อคที่ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยวิถีทางอื่นได้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ.และอดีตประธานคมช.จึงตัดสินใจใช้วิธีดังกล่าวแก้ไขปัญหา ซึ่งถือว่า ได้ผลในระดับหนึ่ง ส่วนกรณีที่สมัยพล.ร.อ.สงัดกับเมื่อปี 2549 มีการใช้ชื่อปฏิรูปที่คล้ายกันนั้น เป็นเพราะความสอดคล้องกันโดยบังเอิญ"พล.อ.วินัยกล่าว
เมื่อถามว่า มองว่า สถานการณ์บ้านเมืองช่วงนี้วิกฤติเหมือนปี 2549 หรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า ดูสถานการณ์แล้วน่าจะมีหนทางออก โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองได้พยายามแก้ไขปัญหา ส่วนประชาชนพยายามลดราวาศอก ไม่ได้สร้างเงื่อนไขให้ถึงจุดรุนแรง ซึ่งขณะนี้ดูแล้วเงื่อนไขยังไม่ให้ ณ วันนี้ ยังมีหนทางในการแก้ไข เช่น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการดำเนินการทางการเมือง ก็พยายามดำเนินการแก้ไขกัน ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ไม่เหมือนเมื่อปี 2549 ทั้งนี้ตนไม่อยากแสดงความเห็นถึงจุดยืนทางการเมืองของผบ.เหล่าทัพ เพราะทุกคนเป็นผู้ใหญ่พอที่จะมีดุลยพินิจของแต่ละคนในวางตัว และช่วยรัฐบาลแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า ประเทศไทยมีโอกาสเกิดการปฏิวัติอีกหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า คงไม่มีถึงขนาดนั้น ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองจะชนกันทำให้เกิดเงื่อนไขในการปฏิวัตินั้น เรื่องนี้อย่าไปวิเคราะห์กันถึงขนาดนั้น เพราะสถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น ทางการเมืองยังมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่า จะเกิดรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ในช่วงนี้ ส่วนงานการเมืองโดยส่วนตัวยังไม่คิดเล่นการเมือง และขณะนี้ยังไม่มีใครมาชักชวนมาเล่นการเมือง ส่วนการทำหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมนั้นถือว่า เหมาะสมแล้ว