ข่าว

2สาวผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่13ล.แก้ผ้าประท้วงอัยการอืด

2สาวผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่13ล.แก้ผ้าประท้วงอัยการอืด

03 เม.ย. 2552

สองสาวผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ ถอดเสื้อผ้าประท้วงอัยการ หลังถูกฉ้อโกงสูญเงิน 13 ล้าน โวยอัยการยื้อไม่ยอมสั่งฟ้องคดี แถมถูกผู้ต้องหาฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท

เหตุการณ์ฮือฮา สองสาวถอดเสื้อประท้วงหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางหทยา นราภิยวัฒน์ อายุ 33 ปี และนางอังคณา ตรงดี อายุ 44 ปี พร้อมพวกรวม 55 คน เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อประท้วงการสั่งคดีของอัยการ จากนั้นนางหทยา และนางอังคณา ได้ถอดเสื้อเหลือแต่เสื้อชั้นใน จนนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ต้องเข้าเจรจา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน เข้าดูแลความปลอดภัย

 นางหทยากล่าวว่า สาเหตุที่มาประท้วงเพราะตนกับพวกรวม 55 คน เป็นผู้เสียหายในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา จับกุมนายชันลอย แซ่ฉาน และนางวิไลลักษณ์ รัตนศรีเวคิน กับพวก ข้อหาฉ้อโกง และกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เพราะถูกหลอกให้นำเงินไปร่วมระดมทุนธุรกิจแชร์ลูกโซ่ จำหน่ายยารักษาโรคกับบริษัท วิศวกลอินเตอร์ จำกัด และบริษัทยูลิ อินเตอร์เทรด จำกัด ของผู้ต้องหา สูญเงินรวมกันกว่า 13 ล้านบาทเศษ

 นางหทยากล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 (กรุงเทพใต้) มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองกับพวก และทำหนังสือไปยังพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ให้ติดตามตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องต่อศาล เนื่องจากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยเมื่อคดีเลยกำหนดฝากขัง ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม ผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีการสอบสวนพยาน ได้แก่ ผู้เสียหายทั้ง 55 คนอีกครั้ง นอกจากนี้ยังให้สอบสวนพยานฝ่ายผู้ต้องหาอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนที่อัยการจะมีความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติม

 นางหทยากล่าวต่อว่า เห็นว่าคดีนี้ผู้ต้องหาถูกจับกุมมาตั้งแต่ปี 2549 ขณะนี้ยังไม่สามารถฟ้องได้ เท่ากับเป็นการประวิงเวลา พนักงานสอบสวนต้องเริ่มสอบสวนใหม่ ทำให้คดีล่าช้า ตนกับพวกเป็นผู้เสียหายอยากได้เงินที่เสียไปกลับคืน กระทั่งวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา จึงไปพบกับอัยการ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง การให้สอบสวนเพิ่มเติม ทั้งที่อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว และไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด เพราะที่ผ่านมาตนยังถูกผู้ต้องหาทั้งสองฟ้องเป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทด้วย ทุกวันนี้เครียดมาก รู้สึกกดดันจนต้องนัดรวมตัวกันเพื่อถอดเสื้อประท้วง

 ด้านนางพิชญาดา สุธีรภัทร์ อดีตพนักงานบริษัทของผู้ต้องหาทั้งสอง กล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบที่บ้านพัก เพื่อขอให้เป็นพยานจับกุมผู้ต้องหา แต่หลังจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว กลับถูกผู้ต้องหาฟ้องกลับในคดียักยอกทรัพย์และหมิ่นประมาท รวม 14 คดี เป็นเพราะพนักงานสอบสวนไม่ปกปิดชื่อตนในฐานะพยานในคดีนี้ให้เป็นความลับ

 ขณะที่นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวกับกลุ่มผู้มาประท้วงว่า ขอให้ใจเย็นๆ ขอรับประกันว่าพนักงานอัยการไม่มีทางเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในการพิจารณาสั่งคดีนั้นขึ้นอยู่กับหลักฐานในสำนวนที่สอบสวนมา เป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น

 หลังจากทำความเข้าใจกันแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงมีท่าทีผ่อนคลายลง โดยนำเสื้อผ้ามาสวมใส่ตามเดิม และยอมรับว่า ในที่สุดแล้วคดีนี้พนักงานอัยการจะต้องเป็นผู้ดำเนินคดีให้ จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ