
โพลล์เผยส่วนใหญ่เห็นแก้กม.ทำแท้ง
ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เร่งรวบรวมหลักฐานเพิ่ม เพื่อขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับศพทารกที่วัดไผ่เงิน รวมทั้งรอผลชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช "นายกฯ"ลั่น"ไทย"ไม่จำเป็นต้องแก้กม.ทำแท้ง เพื่อแก้ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร อ้างกม.เดิมที่ใช้มีความยืดหยุ่น และเหสมาะสมดีแล
(21พ.ย.) สวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,458 คนในประเด็น “เสียงสะท้อน” กรณี การทำแท้ง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.18 รู้สึกตกใจกับการพบศพเด็กทารกจำนวนมากที่วัดไผ่เงิน อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 47.17 เห็นว่า การทำแท้งเป็นสิทธิส่วนบุคคล เพราะเป็นการตัดสินใจของผู้ที่ให้กำเนิดเอง สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมาจากความไม่พร้อมหรือความจำเป็นของแต่ละคน โดย ร้อยละ 65.62 เห็นด้วยหากจะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับปัญหานี้ เพราะสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก การมีเพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกันเกิดขึ้นได้ง่าย
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 36.09 แนะแนวทางป้องกันปัญหาการทำแท้งด้วยการเร่งให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การป้องกัน การคุมกำเนิด ในวิชาเรียนของเด็กให้เหมาะสมตามระดับชั้นเรียน ร้อยละ 29.14 แนะนำให้พ่อแม่ คนในครอบครัวต้องให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแลเอาใจใส่ลูกหลานอย่างใกล้ชิด และ ร้อยละ 15.58 อยากให้ภาครัฐตรวจสอบ ปราบปรามคลินิกที่ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
ขณะที่บรรยากาศบริเวณด้านหน้าโกดังเก็บศพหลังเมรุวัดไผ่เงินโชตนาราม ถนนจันทน์ ซอย 43 แยก 22 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ซึ่งเป็นสถานที่ซุกซ่อนซากทารก จำนวน 2002 ศพ และกำลังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกปรากฏว่ามีประชาชนทยอยเดินทางมาจุดธูปเทียนวางเครื่องเซ่นไหว้วิญญาณทั้งอาหารคาวหวาน ขนม นม ผลไม้ และของเล่นอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะหน้าช่องเก็บศพหมายเลข 9 หมายเลข 10 และหมายเลข 17 ซึ่งเป็นจุดเก็บศพทารกพบว่ามีเครื่องเซ่นกองรวมกันอย่างกลาดเกลื่อน
เมื่อเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.วัดพระยาไกร เดินทางมาตรวจสอบบริเวณป่ากล้วยริมคลองติดริมกำแพงหลังวัด หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีโทรศัพท์เข้าไปที่ห้องวิทยุของโรงพักว่า พบซากทารกจำนวน 20 ศพ ถูกนำไปฝังเอาไว้ แต่เมื่อตรวจดูที่จุดดังกล่าวรวมทั้งรอบๆ บริเวณแล้วกลับไม่พบคาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่คอยสร้างสถานการณ์กลั่นแกล้งหลังเกิดกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับศพทารกที่พบภายในวัดจนโด่งดังไปทั่วโลก
จากนั้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้กับ พระครูวิจิตร สรคุณ เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม แต่เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสอาพาธตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงมอบหมายให้ พระทิวา ธรรมชัยโย เลาขานุการมาพบแทน โดยท่านรัฐมนตรีใช้เวลาพูดคุยนานประมาณ 30 นาที ก่อนจะนำน้ำอัดลม นมถั่วเหลือง และนมกล่อง ปักธูปวางเป็นเครื่องเซ่นให้วิญญาณทารกทั้ง 2002 ศพ
นายองอาจ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อ 3 วันก่อนได้สั่งการให้ทีมงานเดินทางมาประสานกับทางวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งหนึ่งแล้วว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เนื่องจากมีผู้ใจบุญติดต่อผ่านมาทางตนแจ้งความประสงค์จะขอร่วมทำบุญให้กับดวงวิญญาณของทารกจำนวนมาก เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าในวันเสาร์ที่ 27 พ.ย.นี้จะมีพิธีทำบุญครั้งใหญ่นิมนต์พระสงฆ์ทั้งวัดกว่า 40 รูป มาสวดมาติกา บังสุกุลและถวายสังฆทานให้กับทารก ซึ่งพิธีจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น.เป็นต้นไป หากประชาชนท่านใดสนใจจะร่วมทำบุญด้วยก็ขอให้เดินทางมาในวันดังกล่าว ทั้งนี้ ตนจะเดินทางมาหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกับทางวัด สำนักงานเขตบางคอแหลมและทาง สน.วัดพระยาไกร อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้เวลา 11.00 น.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะมีการทุบทำลายโกดังเก็บศพเพื่อปรับสภาพภูมิทัศน์อย่างไร นายองอาจ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เท่าที่ได้คุยกับท่านเลขาฯ เจ้าอาวาส คาดว่า จะขอความร่วมมือกับทางสำนักงานเขตให้ช่วยปรับแต่งพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นสำนักวิปัสสนา อย่างไรก็ตามเราจะดำเนินงานเรื่องการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับทารกทั้งหมดก่อนเนื่องจากขณะนี้คนไทยกำลังรู้สึกทุกข์หดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตนที่เพิ่งจะได้ลูกอยู่ในวัยเพียง 3 เดือน
เมื่อถามว่าหากคดีสิ้นสุดจะมีการฌาปนกิจทารกทั้ง 2002 ศพหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องรอทางนิติเวชชันสูตรให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะปรึกษากับทางพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดไผ่เงินอีกครั้ง เท่าที่ลองสอบถามข้อมูลทราบว่าคนโบราณมีความเชื่อว่าไม่ให้เผาศพเด็กทารกเนื่องจากขณะที่เขามาเกิดยังเพียบพร้อมด้วยศีล 5 ประการ ยังไม่มีฟันแม้กระทั่งพูดจาโป้ปดก็ยังทำไม่ได้ แต่หากมีความจำเป็นต้องฌาปนกิจกันจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับหลายๆ ฝ่ายเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามคติขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยกันต่อไป
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจากนี้จะมีมาตรการเข้มงวดกับสื่อมวลชนทุกแขนงเรื่องการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้เยาวชนมีค่านิยมริรักก่อนวัยอันควรตามกระแสโลกาภิวัตน์ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบสื่อ นายองอาจ ให้ความเห็นว่า สื่อมวลชนก็เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างทัศนคติและค่านิยมแก่เด็กๆ แต่ต้องยอมรับว่าโลกเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วจริงๆ ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็เล็งเห็นและตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงสั่งการให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วางมาตรการด้านการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องต่อกลุ่มวัยรุ่นอย่างต่อเนื่องตลอดมา ควบคู่กับองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้ง NGO หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชนเองก็ตาม ตนเห็นว่าปัจจุบันนี้สื่อก็มีความระมัดระวังในการเผยแพร่ข่าวสารอยู่แล้ว เชื่อว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันก็น่าจะทำให้สังคมมีทัศนคติและค่านิยมที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
มีรายงานจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับวัดให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเริ่มมีนักเสี่ยงโชคเดินทางจากต่างจังหวัด เข้ามาวางเครื่องเซ่นวิญญาณทารกจุดธูปขอหวยกันบ้างแล้ว โดยเชื่อว่าหากขอโชคลาภกับวิญญาณเด็กจะสมหวังเร็วขึ้นเนื่องจากมีอาถรรพ์แรงกว่าวิญญาณประเภทอื่นๆ
ตร.เร่งขยายผลจับกุมคนพันศพทารก
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ คำทราย พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร เปิดเผยความคืบหน้ากรณีพบศพทารกจำนวนกว่า 2,000 ศพ ที่วัดไผ่เงิน ว่า ภายหลังที่ศาลได้ให้ประกันตัวนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 56 ปีและนายสุชาติ ภูมี อายุ 34 ปี สัปเหร่อประจำวัด ผู้ต้องหาร่วมกันทำลายซ่อนเร้นพยานหลักฐาน ในการกระทำผิดเพื่อช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ เมื่อวานนี้ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวม
พยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อขยายผลการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานที่อยู่ในวัด 6-7 ปาก พร้อมทั้งรอผลชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช ตรวจดีเอ็นเอ ว่า ซากที่พบเป็นซากเด็กทารก หรือเป็นซากสัตว์ ซึ่งคาดว่าอาจใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากซากศพที่พบนั้นมีเป็นจำนวนมาก
ส่วนการตรวจค้นสถานคลินิก หรือสถานพยาบาลที่คาดว่าจะเปิดรับทำแท้งนั้น ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนว่า ในท้องที่มีคลินิกต้องสงสัยหรือไม่ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ยังฝากประสัมพันธ์ ว่า ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร พร้อมกับวัดไผ่เงินจะจัดพิธีทำบุญล้างวัดครั้งใหญ่ จึงขอเชิญผู้ที่ต้องการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เด็ก ไปร่วมทุบโกดังเก็บศพทิ้งให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นจุดซ่อนเร้นปิดบัง อำพราง สิ่งที่ไม่ดีอีกต่อไป
มาร์คลั่นไทยไม่จำเป็นต้องแก้กม.ทำแท้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ " เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" กล่าวถึงกรณีข่าวสะเทือนใจในการพบซากทารกจำนวนมากถึง 1,000 ศพ ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวพบซากทารกจำนวนมากที่วัดไผ่ ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้เป็นข่าวที่สะเทือนใจมาก เรื่องการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหานี้ตนได้เคยพูดมานานแล้ว
และได้พยายามรณรงค์มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกฎหมายการทำแท้งที่ประเทศใช้อยู่ในปัจจุบันถือว่ามีความเหมาะสม และมีความยืดหยุ่นดีแล้ว เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องการทำแท้งอยู่ ดังนั้นตนจึงเห็นว่าเราไม่ควรจะไปแก้ไขกฎหมาย หรือไปปรับเปลี่ยนกฎหมายฉบับนี้แต่อย่างใด ปัญหาการตั้งท้องตอนไม่พร้อมของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องมาช่วยกัน ที่ไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้กับเด็กและเยาวชนเชิงรณรงค์ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งต้องมีการปรับปรุงเรื่องการศึกษาให้เด็ก
"ผมจึงอยากจะให้สังคมลงมาแก้ไขเพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมจึงอยากจะขอความร่วมมือไปยังครอบครัว สื่อมวลชน และสังคม ช่วยการปลูกฝั่งค่านิยมที่มีความถูกต้องต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ได้ลุกลามบานปลายออกไป " นายกฯ กล่าว
แฉวัยรุ่นพม่าแห่ข้ามฟากทำแท้งฝั่งไทย
แหล่งข่าวจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระนอง เปิดเผยว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงชาวพม่าจากจังหวัดเกาะสอง รวมถึงกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นชาวพม่า ที่เข้ามาทำงานในโรงงานและสถานบริการต่างๆในจังหวัดระนอง นิยมทำแท้งมากขึ้นเช่นกัน และมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับวัยรุ่นไทยคือ การรับกระแสวัฒนธรรมตะวันตก นิยมอยู่กินกันก่อนแต่งงาน
แต่เนื่องด้วยวิถีชีวิตที่ต้องดิ้นรน ทำงานทุกวันทำให้กลุ่มวัยรุ่นชาวพม่าที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ และ คุมกำเนิดเกิด เมื่อต้องก่อนแต่งหรือยังไม่พร้อมที่จะมีลูกต้องใช้วิธีการทำแท้งเป็นทางออก โดยพบว่ามีแหล่งทำแท้งเถื่อนซึ่งทำ โดยหมอตำแยพม่า และหมอตำแยไทย โดยการใช้วิธีการทำแท้งแบบโบราณ ซึ่งขณะนี้พบว่าแต่ละเดือนมีหญิงสาววัยรุ่นชาวพม่าทั้งในจังหวัดระนองและจ.เกาะสองทำแท้งไม่ต่ำกว่า 200-300 คน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง กล่าวว่า มีข้อมูลดังกล่าวจริง โดยล่าสุดจากการสอบถามไปยังพนักงานสาธารณสุขชาวพม่าทราบว่า มีแหล่งทำแท้งอยู่แถวบ้านปากคลอง ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นย่านชุมชนพม่า ที่มีแรงงานพม่าอาศัยอยู่กว่า 20,000 คน โดยผู้ที่ทำแท้งเป็นหมอตำแยชาวบ้านมีทั้งพม่า และคนไทย และพบว่ามีหญิงสาวชาวพม่าเข้าไปใช้บริการจริง ซึ่งในวันจันทร์นี้ ตนจะนำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ หากเป็นจริงก็จะดำเนินการตามกฏหมายต่อไป