
จะผ่านไปอย่างไร
หลังจากวิปทั้ง 3 ฝ่าย (ฝ่ายค้าน รัฐบาล และส.ว.)ได้หารือกันแล้ว ไม่รอให้ประชาธิปัตย์ตัดสินใจ ชัย ชิดชอบ รีบรวบรัดกำหนดนัดประชุมสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 23-24 พฤศจิกายนนี้ทันที โดยไม่รั้งรอว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้นจะตัดสินใจอย่างไร
ก่อนหน้านี้ การแก้รัฐธรรมนูญได้สร้างวิกฤติ ขยายรอยร้าวภายในพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว
ในครั้งนี้ก็เริ่มเห็นเค้าลางขึ้นอีกครั้งในการประชุมพรรคเมื่อสัปดาห์ก่อน
การปะทะหลักการระหว่างผู้นำ 2 กลุ่มเกิดขึ้นสร้างบรรยากาศอึมครึมในที่ประชุมจนหลายคนอดคิดไม่ได้ว่า ความบาดหมางจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่
ครั้งนั้น ชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสมากบารมีในพรรคเป็นผู้นำเสียงคัดค้าน แต่ในครั้งนี้เป็น บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ชี้ให้เห็นหลักการของพรรค และสิ่งที่ควรจะเป็น
แม้จะเป็นคนละคนแต่เนื้อหาแก่นสาร ไม่แตกต่างกัน !
ขณะที่อีกฝ่ายในวันนี้กลับเป็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ลุกขึ้นชี้แจง โดยเลือกที่จะให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเดินเกมเป็นผู้ปฏิบัติ
การล็อบบี้มีขึ้นที่ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อค่ำคืนก่อนเป็นคิวของ ส.ส.ภาคเหนือ ส่วนส.ส.ภาคใต้นั้นนัดหมายกันที่สุราษฎร์ธานีในวันเสาร์ที่จะถึง
แน่นอนว่าการล็อบบี้ครั้งนี้ พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เมื่อพรรคร่วมฯ โอนอ่อนตามหลักการ ของอภิสิทธิ์ แล้ว สิ่งที่ต้องแลกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่ทำให้พรรคร่วมติดขัด โดยเฉพาะ ประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อดูคะแนนที่โหวตกันในพรรคครั้งก่อน 48 : 81 โจทย์ของสุเทพ ครั้งนี้จึงยากเสียยิ่งกว่ายาก
ในขณะที่ฝ่ายพรรคร่วมฯ ก็แสดงท่าทีผ่าน "การนัดประชุมรัฐสภา" ของ ชัย ชิดชอบ ไปเรียบร้อยแล้ว
เป็นการนัดหมายประชุมรัฐสภาล่วงหน้าทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์นัดลงมติเรื่องนี้กันในวันที่ 22 พฤศจิกายน
แล้วถ้าหากมติที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเหมือนกับเมื่อครั้งก่อนที่ทำให้สุเทพ ดับอารมณ์ด้วยการอัดควันที่อาจก่อมะเร็งเข้าไปในปอดนานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ที่ อภิสิทธิ์ ลั่นกลางที่ประชุมว่า พร้อมยุบสภา หากสถานการณ์ถึงจุดวิฤติใช่เพราะตรงนี้หรือไม่
คนในพรรคค้านแก้รัฐธรรมนูญ แต่ถ้าไม่แก้ พรรคร่วมฯ ก็จะทวงสัญญา เลือกครั้งคราวหน้าก็จะอยู่ในสภาพไร้ญาติขาดมิตร
วิกฤติการณ์ครั้งนี้จะผ่านไปได้อย่างไร?
ศรายุทธ สายคำมี [email protected]