
เพิ่มจำคุกกว่า2พันปี3ลูกศิษย์เจ้าคุณอุดม
ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุกลูกศิษย์-คนใกล้ชิดอดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ รวม 3 คน คนละกว่า2 พันปี ในคดีปลอมเอกสารขอเครื่องราชฯ และสั่งยืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องอีก 3 เผยคดียืดเยื้อกว่า 20 ปี จำเลยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 จากเดิมที่ตายไป 8 รายจนต้องจำหน่ายคดี
ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เช้าวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ ที่ ด.1597/2531 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายผาสุก ขาวผ่อง หรือพระราชปัญญาโกศล หรือเจ้าคุณอุดม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ จำเลยที่ 1 (เสียชีวิตแล้ว) นายอำไพ แก้วพงษ์ ผู้ใกล้ชิดเจ้าคุณอุดม จำเลยที่ 2 (เสียชีวิตแล้ว) นายสันติ สวนแก้ว อดีตพนักงานธนาคารกรุงเทพ ลูกศิษย์ใกล้ชิดของเจ้าคุณอุดม จำเลยที่ 3 (เสียชีวิตแล้ว) นายอรุณ เพชรรัตน์ จำเลยที่ 4 นายมนตรี จำนง ครูโรงเรียนนวมินราชานุสรณ์ จ.นครนายก จำเลยที่ 5
น.ส.เฉลิมศรี อู่ทรัพย์ จำเลยที่ 6 (เสียชีวิตแล้ว) นายสมัย กาจู๊ด ลูกศิษย์ใกล้ชิด จำเลยที่ 7 (เสียชีวิตแล้ว) น.ส.พัทยา พิมพ์สอาด อดีตพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำเลยที่ 8 นายอารี ศาสตรสาระ อดีตข้าราชการพลเรือน ช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ 9 นายพิภพ บุญดิเรก อดีตข้าราชการพลเรือน ช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ 10 นายเมธี บริสุทธิ์ อดีตข้าราชการพลเรือนประจำในสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 11 (เสียชีวิตแล้วระหว่างอุทธรณ์คดี) นายสุรเดช เตชะคุปต์ จำเลยที่ 12 (เสียชีวิตแล้ว) นายไพบูลย์ ทองมิตร อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 13 (เสียชีวิตแล้ว)
นางชมัยภร แสงกระจ่าง อดีตข้าราชการพลเรือนประจำสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 14 นายขุนทอง ภูผิวเดือน อดีต รมช.ศึกษาธิการ จำเลยที่ 15 (เสียชีวิตแล้ว) และนายวิโรจน์ ชาทอง อดีตศึกษานิเทศก์ 6 กรมสามัญศึกษา จำเลยที่ 16 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้บุคคลมอบทรัพย์สิน, ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการกรอกข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเพื่อกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบ, ร่วมกันปลอมดวงตราของทบวงการเมือง องค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน และร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149, 162, 251 และ 265 จากกรณีระหว่างปี 2522-2529 จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันปลอมแปลงเอกสารใบอนุโมทนาบัตร ที่รับเงินบริจาคจากประชาชนที่พวกจำเลยได้จูงใจให้บริจาคทรัพย์สินเพื่อยื่นเอกสารต่อกระทรวงศึกษาธิการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทั้งนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2531 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2548 ว่า จำเลยที่ 4, 5, 8 และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งใช้ตำแหน่งโดยมิชอบจูงใจให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น มาตรา 148 และกระทำการเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิดตามมาตรา 86 ให้จำคุกจำเลยที่ 4 จำนวน 113 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 1,130 ปี จำเลยที่ 5 จำนวน 117 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 1,170 ปี จำเลยที่ 8 จำนวน 192 กระทง กระทงละ10 ปี รวมจำคุก 1,920 ปี จำคุกจำเลยที่ 9 กระทำผิดมาตรา 149 จำนวน 98 กระทง กระทงละ 15 ปี และมาตรา 148 ประกอบมาตรา 86 อีก 1 กระทง เป็นเวลา 10 ปี รวมจำคุก 2,660 ปี และจำคุกจำเลยที่ 11, จำเลยที่ 11 กระทำความผิดมาตรา 149 จำนวน 98 กระทง กระทงละ 15 ปี และมาตรา 148 ประกอบมาตรา 86 อีก 1 กระทงเป็น 10 ปี รวมจำคุก 1,480 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำเลยที่ 4, 5, 8, 9 และ 11 ทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) แล้ว ให้จำคุกจำเลยไว้คนละ 50 ปี
ส่วนจำเลยที่ 10, 14 และ 16 ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่ากระทำผิดตามฟ้อง ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง และให้ริบของกลางตามบัญชีทรัพย์ของกลาง ส่วนจำเลยที่ 1, 2, 3, 6, 7, 12, 13 และ 15 ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบเนื่องจากจำเลยเสียชีวิตแล้ว
ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ขณะที่จำเลยที่ 11 เสียชีวิตไปแล้วระหว่างอุทธรณ์เมื่อปี 2550
ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมกันแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 4 และ 5 มีความผิดจริงตามฟ้อง ขณะที่อุทธรณ์ของอัยการโจทก์บางข้อฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกนายอรุณ จำเลยที่ 4 จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1,130 ปี เป็นเวลา 2,234 ปี นายมนตรี ครูโรงเรียนนวมินราชานุสรณ์ จ.นครนายก จำเลยที่ 5 จาก 1,170 ปี เป็น 2,180 ปี
ส่วนอุทธรณ์ของนายอารี อดีตข้าราชการพลเรือน ช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ 9 ฟังขึ้นบางส่วนจึงพิพากษาแก้ยกฟ้อง มาตรา 148 แต่ให้จำคุกจำเลยที่ 9 กระทำผิดมาตรา 149 จำนวน 98 กระทงเป็นเวลา 1,470 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำเลยที่ 4, 5 และ 9 ทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) แล้ว ให้จำคุกจำเลยไว้คนละ 50 ปี
ขณะที่จำเลยที่ 8 และ 11 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่ให้จำคุก น.ส.พัทยา อดีตพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 1,920 ปี และนายเมธี อดีตข้าราชการพลเรือนประจำในสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 11 เป็นเวลา 1,480 ปี และพิพากษายืนยกฟ้องนายพิภพ อดีตข้าราชการพลเรือน ช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ 10 นางชมัยภร อดีตข้าราชการพลเรือนประจำสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 14 และนายวิโรจน์ อดีตศึกษานิเทศก์ 6 กรมสามัญศึกษา จำเลยที่ 16
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ซึ่งยืดเยื้อมา 22 ปี โดยระหว่างปี 2522-2529 มียอดผู้บริจาคเงินเพื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาจากกระทรวงศึกษาฯ 753 ราย ยอดเงิน 1,400 ล้านบาท กับการบริจาคเพื่อขอรับเครื่องชั้นทวีติยาภรณ์ อีก 1.4 หมื่นล้านบาท กลับไม่มีการบริจาคจริง แต่มีการออกเอกสารสำคัญให้ ซึ่งระหว่างพิจารณาคดี ได้มีการเปลี่ยนพนักงานอัยการหลายคน โดยล่าสุดจำเลยเสียชีวิตไปแล้ว 9 คน ผู้พิพากษาเสียชีวิต 1 คน และทนายความเสียชีวิต 4 คน โดยคดีนี้โจทก์นำสืบกว่า 100 ปากจากพยานที่อ้างไว้ 538 ปาก