ข่าว

วิหารอยุธยาตอนต้น600ปีน้ำท่วมทรุดตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รักษาการเจ้าอาวาสวัดดอกไม้ สิงห์บุรี ห่วงโบสถ์ไม้สักสมัยรัชกาลที่3 อายุกว่า 200 ปี วิหารสมัยอยุธยาตอนต้น อายุกว่า 600 ปี ทรุดตัวหลังถูกน้ำท่วม 20 วัน ด้านกมธ.ศาสนาลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ชี้น้ำท่วมภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง ทบ.เร่

 เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2553  คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร์ นำโดยนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ดร.อำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.)สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พร้อมด้วยและคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ประกอบด้วยวัดเสือข้าม วัดประศุก วัดดอกไม้ พร้อมถวายถุงยังชีพแด่พระสงฆ์ สามเณร ที่ได้รับความเดือนร้อนจากน้ำท่วม
 
 นายวิรุฬ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี วัดหลายแห่งที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งพระสงฆ์ได้รับความเดือนร้อนบิณฑบาตไม่ได้ ทางพศ.และคณะกรรมาธิการการศาสนาฯจึงได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคมาถวายแด่พระสงฆ์ที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ให้หนักกว่านี้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือน้ำท่วมแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ในขณะเดียวกัน ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เกิดความยั่งยืนและได้ผลมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ส.ส.จะต้องช่วยกันคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ ไม่ใช่แก้ปัญหากันแบบปีต่อปี

 น.ส.จันทนา สุทธิเรืองวงศ์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีวัดที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศรวม 2,771 วัด ซึ่งแบ่งเป็นวัดในภาคกลาง 1,115 วัด ภาคเหนือ 235 วัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 557 วัด และภาคใต้ 864 วัด มีพระสงฆ์ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 20,000 รูป ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มหาเถรสมาคม ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการส่งเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือยังวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 1,772 วัด และเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่ภาวะปกติ จะเร่งสำรวจความเสียหายของแต่ละวัดเพื่อรายงานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัฐหาอุทกภัยและภัยแล้ง เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป

 พระสังคม สุชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดดอกไม้ อ.อินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คณะกรรมาธิการการศาสนาฯมาเยี่ยม แต่สิ่งที่กังวลขณะนี้ คือ โบสถ์ไม้สักโบราณสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 3 และมีอยู่เพียง1 ใน 3 แห่งของประเทศไทย อายุกว่า 200 ปี และวิหารเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นอายุกว่า 600 ปี จมอยู่ในน้ำที่สำคัญน้ำได้เข้าท่วมถึงฐานพระประธานในวิหารมานานถึง20วัน ส่งผลให้ตัวฐานพระประธานและฐานของวิหารทรุดตัวลงมา เนื่องจากโดนน้ำกัดเซาะและแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน รวมทั้งตัววิหารมีสภาพที่เก่า อิฐเปื่อยยุ่ยอยู่แล้ว

 "ทางวัดต้องจัดพระเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาเกรงว่าจะถล่มลงมา ทั้งนี้ ทางวัดได้ประสานกับกรมศิลปากรแล้ว เพราะวิหารและโบสถ์ไม้สักโบราณได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน แต่ทางกรมศิลปากรไม่มีงบประมาณที่จะมากู้วิหารและโบสถ์จากการจมน้ำ ซึ่งทางวัดเข้าใจว่ากรมศิลปากร มีโบราณสถานหลายแห่งที่ต้องดูแล แต่อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากร ก็มีแผนที่จะบูรณะวิหารและโบสถ์ไม้สักทั้ง 2 หลังสิ้นปีนี้ด้วย"พระสังคม กล่าว

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกชี้น้ำท่วมภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง 

 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก รายงานสถานการณ์และการช่วยเหลือน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่าสถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง มีพื้นที่วิกฤตต้องการความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนทันที ได้แก่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยที่ จ.ชุมพร น้ำท่วมรุนแรงใน 2 อำเภอ คือ อ.สวี และอ.ทุ่งตะโก ซึ่งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โดย จังหวัดทหารบกชุมพร และกรมทหารราบที่ 25 ได้ใช้กำลังทหาร 340 นาย รถยนต์บรรทุก 24 คัน เรือท้องแบน 6 ลำ เข้าช่วยอพยพประชาชนขนย้ายสิ่งของ ก่อกระสอบทรายทำทำนบกั้นน้ำ ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่วิกฤต 2 อำเภอได้แก่ อ.เมือง และ อ.ไชยา ขณะนี้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 4 โดย จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ได้จัดกำลังพล 227 นาย รถยนต์บรรทุก 25 คัน เรือท้องแบน 4 ลำ เข้าให้การช่วยเหลือในการอพยพประชาชนขนย้ายสิ่งของ ก่อกระสอบทรายทำทำนบกั้นน้ำ

 นอกจากนี้จังหวัดที่มีสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต มี 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ซึ่งประชาชนต้องการความช่วยเหลือภายใน 24 ชั่วโม โดยที่ จ.นครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.สิชล และ อ.ลานสกา ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 41 ได้จัดกำลังพล 320 นาย รถยนต์บรรทุก 30 คัน เรือท้องแบน 4 ลำ เข้าให้การช่วยเหลือในการอพยพประชาชนขนย้ายสิ่งของ ไปยังพื้นที่ปลอดภัย ส่วนที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีน้ำท่วมรุนแรงใน 6 อำเภอได้แก่ อ.ยะรัง และ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี , อ.กรงปินัง และ อ.เมือง จ.ยะลา , อ.รือเสาะ และ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 1, 2 และ 3 จำนวน 480 นาย พร้อมรถยนต์บรรทุก 47 คันเรือท้องแบน 9 ลำได้เข้าให้การช่วยเหลือในการอพยพประชาชนขนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วเช่นกัน

 สำหรับที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ยังคงมีน้ำท่วมแต่ไม่รุนแรงมาก โดยกองพลพัฒนาที่ 4 และชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วกองทัพบก ได้จัดกำลังพล 184 นาย รถยนต์บรรทุก 18 คัน ช่วยในการสัญจร รับ-ส่ง และประกอบอาหารสดแจกจ่ายให้กับประชาชน ในพื้นที่ประสบอุทกภัย นอกจากนี้ที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการฟื้นฟูสภาพได้ใช้กำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 42 และ กรมทหารราบที่ 5 จำนวน 200 นาย รถยนต์บรรทุก 18 คัน เร่งขนย้ายสิ่งของเข้าบ้าน ทำความสะอาดบ้านเรือน และถนน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ