
พายุถล่มสงขลา-พัทลุงไฟดับทั้งเมือง
พายุดีเปรสชันถล่มสงขลา-พัทลุง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั้งสองเมือง ส่วนตรังน้ำท่วม 5 อำเภอ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวานนี้(1พ.ย.)กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยพายุดีเปรสชันในอ่าวไทย ฉบับที่ 6 ระบุว่า พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีศูนย์กลางห่างประมาณ 40 กิโลเมตร ทางตะวันออกของ จ.สงขลา หรือที่ละติจูด 7.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.6 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในแนว จ.สงขลา และนครศรีธรรมราช โดยจะเคลื่อนผ่านบริเวณ จ.พัทลุง สตูล ตรัง กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ทั้งสองฝั่งตั้งแต่ จ.ชุมพรลงไป มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร
ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่ทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลของภาคใต้ฝั่งตะวันออกระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าสู่ฝั่ง ชาวเรือควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
กระทั่งเวลา 00.10 น.ของวันที่ 2 พ.ย. นายวันชัย ศักดิ์อุดมชัย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก กล่าวว่า อีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง พายุจะเคลื่อนผ่านเข้า จ.พัทลุง คาดว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอย่างฉับพลัน เนื่องจากมีฝนตกติดต่อกันหลายวันแล้ว อีกทั้งน้ำทะเลก็หนุนสูง จึงขอเตือนประชาชนเร่งอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน
พายุถล่มสงขลาไฟฟ้าดับมืดทั้งเมือง
ต่อมาเวลา01.20น.มีรายงานแจ้งว่า ในพื้นที่ อ.สทิงพระ อ.ระโนด จ.สงขลา มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากแรงลมพายุดีเปรสชั่นกรรโชก ส่งผลให้หลังคาบ้านเรือนประชาชนปลิวว่อน กระจกประตู หน้าต่างแตกจำนวนหลายหลัง รวมถึงต้นไม้ พืชผล สิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ขณะเดียวกันการติดต่อสื่อสารในพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อหากันได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การติดต่อสื่อสารในพื้นที่ดังกล่าวจะเกิดปัญหาไม่สามารถติดต่อหากันได้นั้น ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ อ.สทิงพระทราบว่า ลมพายุกรรโชกแรงมาก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นและประสบเหตุมาก่อน ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตกใจและหวาดกลัวกันมาก โดยระหว่างที่มีการพูดคุยสอบถามสถานการณ์อยู่นั้นก็ยังคงมีลมพัดกรรโชกแรงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไป และไม่สามารถติดต่อกันได้อีก
เช่นเดียวกับในพื้นที่ อ.เมืองสงขลาก็ประสบเหตุลมพายุกรรโชกแรง ส่งผลให้ศาลากลางจังหวัดสงขลา กระจกแตกจำนวนมาก รวมไปถึงบ้านเรือนประชาชนด้วย ต้นไม้หักโค่นหลายต้น อีกทั้งกระแสไฟฟ้าก็ถูกงดปล่อยกระแสไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้พื้นที่ตัวเมืองสงขลาอยู่ในความมืด
พายุผ่านสงขลาเข้าถล่มพัทลุงไฟดับ
นายสุพล ทองเรืองศรี หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ได้มีพายุลมแรง ฝนตกหนัก และดินโคลนถล่ม ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย แต่ตั้งแต่เวลา 01.00 น.ไม่มีลมพายุและฝนตกเนื่องจากพายุได้เคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่จังหวัดพัทลุง จึงได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องออกไปเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าไฟดับทั้งเมืองเช่นกัน
พัทลุงประกาศเขตภัยพิบัติ9อำเภอ
เวลา 01.43 น.นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้มีพายุลมแรงและมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม.ขณะนี้ทางจังหวัดได้ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ ส่วนความต้องการขณะนี้ก็คือเรือท้องแบนเพราะจะต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
น้ำท่วมถล่มตรัง5อำเภอ
ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ตรัง เนื่องจากพายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.เป็นต้นมา - 1 พ.ย.2553 ทำให้พื้นที่ จ.ตรัง ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว รวม 4 อำเภอ 2 เทศบาล 8 ตำบล 23 หมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย อ.เมือง อ.รัษฎา อ.นาโยงและในเขตเทศบาล ต.นาโยงเหนือ อ.ห้วยยอด และ อ.ปะเหลียน ส่วนพื้นที่การเกษตรขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสำรวจ ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้จะทราบผล
อย่างไรก็ตามในเขตพื้นที่ ต.นาโยงใต้ และ ต.ละมอ อ.นาโยง มีรายงานว่า น้ำจากคลองนางน้อย ซึ่งรับน้ำมาจากเทือกเขาบรรทัด ได้เอ่อท่วมคลอง ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมเส้นทางคมนาคม ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ระหว่างตรัง-พัทลุง ทั้ง 2 ข้างทาง โดยระดับน้ำอยู่ที่ปริมาณ 50 ซม.รถเล็กสัญจรผ่านไปมาอย่างลำบาก เจ้าหน้าที่ อปพร.ต้องนำป้ายระวังน้ำท่วมทางมาติดตั้งบนถนน เพื่อให้ผู้ใช้รถสัญจรไปมาได้ระมัดระวังอันตรายจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่ชาวบ้านและผู้นำชุมชนต้องช่วยกันนำกระสอบทราย กว่า 50 ลูก มาวางกั้นเป็นแนวยาวตรงจุดที่ราบลุ่ม เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น เพราะขณะนี้น้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่ากลางดึกคืนนี้น้ำจะไหลเข้าท่วมถึงในตัวบ้าน
ส่วนบ้านเรือนที่อยู่ติดกับคลองนางน้อย ก็นำกระสอบทรายมาปิดกั้นน้ำแล้วเช่นกัน เพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านตน แต่หากฝนยังไม่หยุดตกก็หวั่นว่ากระสอบทรายก็อาจจะต้านแรงน้ำไม่อยู่เช่นกัน ขณะที่ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจและทำการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้วในขณะนี้