ข่าว

"กองทัพเรือไทย"ประกาศศักดาสยบโจรสลัดโซมาเลียราบคาบ!

"กองทัพเรือไทย"ประกาศศักดาสยบโจรสลัดโซมาเลียราบคาบ!

01 พ.ย. 2553

นับเป็นความสำเร็จครั้งที่สองในการสกัดกั้น และจับกุม "โจรสลัดโซมาเลีย" หลังจากนำกองเรือของกองทัพเรือไทยไปลอยลำอยู่ ณ น่านน้ำอ่าวเอเดน ประเทศโซมาเลีย นานกว่า 2 เดือนเพื่อคุ้มครองกองเรือขนส่งสินค้าจากนานาชาติที่ต้องเสี่ยงภัยจากโจรสลัดโซมาเลีย

 โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดของกองทัพเรือไทยก็ประกาศศักดาสยบโจรสลัดโซมาเลียได้อย่างราบคาบ ชนิดที่ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ และฝ่ายโจรสลัดแม้แต่หยดเดียว !!!

 ยุทธการสยบโจรสลัดโซมาเลียเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 09.55 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งตรงกับเวลา 12.55 น. ตามเวลาประเทศไทย

 ขณะนั้น "เรือหลวงสิมิลัน" กำลังคุ้มกันเรือสินค้าขนาดใหญ่ จำนวน 9 ลำ เดินทางจากภายในอ่าวเอเดนด้านทะเลแดง เพื่อไปส่งที่ปากอ่าวด้านมหาสมุทรอินเดีย บริเวณละติจูด 13 องศา 05 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 049 องศา 08 ลิปดาตะวันออก

 พิกัดดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็น "พื้นที่สีแดง" ที่เกิดการปล้นสะดมโดยโจรสลัดอยู่บ่อยครั้ง บริเวณนี้อยู่ห่างชายฝั่งประมาณ 100 ไมล์ทะเล และเป็นตำบลใกล้เคียงกับที่หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเคยประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นโจรสลัดมาแล้วเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 ห้วงเวลานั้น เรือบรรทุกสินค้าชื่อ HELLESPONT PROTECTOR สัญชาติไลบีเรีย ซึ่งอยู่แถวหน้าด้านซ้ายของหมู่เรือปราบโจรสลัด ได้แจ้งมายังเรือหลวงสิมิลันว่ามีเรือเร็วเครื่องยนต์ติดท้าย(Skiff) 1 ลำ คนในเรือประมาณ 6 คน

 ชายฉกรรจ์ลึกลับทั้ง 6 คน ล้วนถืออาวุธปืนสงครามครบมือ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ ลักษณะเหมือนโจรสลัด กำลังมุ่งหน้าเข้าหาเรืออย่างรวดเร็วด้วยท่าทีประสงค์ร้าย

 ขณะเดียวกันเรือบรรทุกสินค้าอีกลำชื่อ MARI UGLAND สัญชาตินอร์เวย์ซึ่งอยู่ในความคุ้มครองหมู่เรือปราบโจรสลัด ได้แจ้งมายังเรือสิมิลันว่าได้ถูกโจมตีด้วยอาวุธปืนจากเรือ Skiff ลำดังกล่าว ซึ่งชัดเจนว่าเรือที่บรรทุกชายฉกรรจ์มาเต็มลำต้องเป็นโจรสลัดแน่นอน

 พล.ร.ต.ไชยยศ สุนทรนาค ผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดจึงสั่งให้ เรือหลวงสิมิลัน ซึ่งอยู่ทางกราบขวาของกระบวนเรือ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 ไมล์ แล่นเข้าหาเพื่อตรวจสอบ และคุ้มครองเรือบรรทุกสินค้า

 จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) แบบเบลล์ 212 พร้อม "ชุดปฏิบัติการพิเศษ" ได้ขึ้นบินเพื่อสกัดกั้นกลุ่มโจรสลัดทันที และพบเป้าหมายเป็นเรือต้องสงสัย พร้อมชายฉกรรจ์ 6 คนตามที่ได้รับแจ้งจริงๆ

 เมื่อเห็นว่า มี ฮ. บินวนเข้ามาใกล้ ชายฉกรรจ์ในเรือต่างมีท่าทีตระหนกอย่างมีพิรุธ และพยายามเร่งความเร็วหนีทันที พร้อมกับโยนอาวุธปืนทิ้งน้ำเพื่อทำลายหลักฐาน

 ชุดจู่โจมบน ฮ. จึงใช้ระบบกระจายเสียงให้เรือหยุด แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง นักบินจึงตัดสินใจทิ้ง "ทุ่นควัน" เพื่อเตือนให้หยุดเรือถึง 3 ชุด แต่คนในเรือก็ยังคงเร่งเครื่องหนีอย่างไม่คิดชีวิต

 พลประจำปืนบน ฮ.จึงได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิงลงสู่ผิวน้ำในตำแหน่ง "ดักหน้า" เพื่อบังคับให้เรือหยุด ซึ่งก็ได้ผลตามที่ต้องการ เพราะเรือ Skiff เมื่อเห็นห่ากระสุนระดมยิงขนาดนั้นจึงยอมหยุดเรือ ยอมให้จับกุมแต่โดยดี

 จากการสังเกตการณ์ของชุดปฏิบัติการพิเศษบน ฮ. ไม่พบอุปกรณ์การประมงใดๆ อยู่บนเรือเป้าหมาย ขณะที่เรือหลวงสิมิลัน ได้ส่ง "ซีลทีม" ซึ่งเป็นชุดตรวจค้นด้วยเรือยนต์เร็วจำนวน 2 ลำ เข้าตรวจสอบโดยละเอียด

 ผลการตรวจค้นพบพบชายฉกรรจ์ชาวโซมาเลีย 6 คน พร้อมถังน้ำมันจำนวนมาก เครื่องยนต์ติดท้ายขนาด 60 แรงม้า เสื้อผ้าสีดำ 6 ชุด มีดปลายแหลม 1 เล่ม

 แต่หลักฐานที่มัดตัวว่า ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนเป็นโจรสลัดจริงๆ คือ "ปลอกกระสุนปืนอาก้า" จำนวน 1 นัด ที่เพิ่งกระเด็นออกจากลำกล้อง และตกอยู่ที่ใต้ท้องเรือ ส่วนตัวเรือก็ถูกพ่นหมายเลข N163 เอาไว้ ซึ่งแสดงว่าเคยถูกตรวจค้นจับกุมมาก่อน

 เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากกองกำลังผสมทางเรือ (CMF) พบว่าเรือ Skiff ลำนี้เคยถูกเรือรบสหรัฐ ชื่อ USS.LABOON ตรวจค้นเมื่อ 23 ตุลาคม

 เมื่อประมวลจากหลักฐานต่างๆ ที่ค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการแต่งกาย อาวุธ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้บนเรือ จึงเป็นที่แน่ชัดว่าเรือลำนี้เป็นโจรสลัดอย่างแน่นอน

 หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดจึงแจ้งผลสำเร็จของปฏิบัติการให้กองกำลังผสมทางเรือนานาชาติ (CMF) และ ศปก.ทร. รวมถึงเรือสินค้าที่เดินทางผ่านในพื้นที่สำคัญทราบ

 จากนั้นได้ทำการถ่ายภาพ จัดทำประวัติบุคคล เพิ่มสัญลักษณ์หมายเลข T002 ไว้ที่ตัวเรือ อันแสดงให้เห็นว่าเรือลำนี้ได้ถูกเรือรบไทยสกัดกั้นตรวจค้นมาแล้ว พร้อมกับผลักดันเรือ และคนบนเรือกลับประเทศโซมาเลียตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล

 พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดที่ได้ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และกล้าหาญจนประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ

 ผบ.ทร. ยังกล่าวย้ำให้กำลังพลปฏิบัติตามโอวาทยุทธการที่ให้ไว้เพื่อนำมาซึ่งชื่อเสียงของกองทัพเรือและทหารเรือไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่นานาชาติ

 เพื่อให้มั่นใจได้ว่า กระบวนเรือสินค้าที่เดินทางอยู่ในอ่าวเอเดนภายใต้การคุ้มครองของเรือรบไทยจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ

ทีมข่าวความมั่นคง