หรือทุกวันนี้ไทยยังมี“ทาสในเรือนเบี้ย”? | คมชัดลึก

 พวกเราตั้งใจซ้อมเพราะ 1 ปีมี 1 ครั้งที่จะได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมในพิธีถวายบังคมและวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ ที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “พระบรมรูปทรงม้า”

 การได้กราบถวายบังคมสมเด็จพระปิยมหาราช เป็นความภาคภูมิใจที่ยากจะลืมเลือน ครูพลศึกษาที่ดูแลกองลูกเสือสำรองบอกว่า พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ราษฎรไทยได้ร่วมใจกันสร้างถวายในหลวง รัชกาลที่ 5 รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศไทยหลายสถาน ครูบอกพวกเราว่า ตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นครองราชย์นั้น ประเทศไทยมี “ทาส” ถึง 1 ใน 3 ของพลเมืองทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็น “ทาสในเรือนเบี้ย” ที่ “ลูก” ต้องเป็นทาสต่อจากพ่อแม่ของตัวเอง และจะต้องเป็นต่อๆ กันไปทั้งตระกูลไม่มีที่สิ้นสุด ในหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระเมตตาต่อราษฎรของพระองค์ ที่ไม่มีอิสระและเสรีภาพ จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเลิกทาส ให้ “ทาส” ทั้งหมดเป็น “ไท” มาตราบเท่าทุกวันนี้

 ในสมัยที่ยังนุ่งกางเกงขาสั้นเรียนชั้นมัธยม ผมจดจำเรื่อง “ทาส” ได้ฝังใจว่า...ด้วยพระบารมีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชจักรีวงศ์โดยแท้ที่ทำให้ “คนทาสเป็นคนไท” แม้ว่าตอนนั้นผมอาจจะเด็กเกินไป จึงไม่แตกฉานเรื่อง “ทาส” สักเท่าไหร่นัก กระทั่งเรียนชั้นสูงขึ้นจึงรู้ว่า “ทาส” นั้นเคยมีทั้งในและต่างประเทศมาแล้ว และรู้ว่า ทาส คือ มนุษย์ที่มีสภาพไม่ต่างไปจากสิ่งของหรือสัตว์ มี “นายทาส” เป็นเจ้าของคอยใช้งานมนุษย์พวกนั้น ใครเป็น “ทาส” จะไม่มีสิทธิและเสรีภาพ ทำอะไรอย่างอิสระไม่ได้ ต้องรอคำสั่งจากเจ้าของหรือ “นายทาส” หากใครฝืนทำอะไรโดยพลการจะถูกตัดสินไม่ให้ลงสมัคร เอ๊ย ถูกเพิ่มโทษจาก “นายทาส” อย่างรุนแรง แต่ก็มีข้อห้ามนายทาส มิให้ลงโทษ “ทาส” ถึงแก่ชีวิต ทาสที่มีในโลกแบ่งออกเป็น 7 ประเภท มีชื่อตามลักษณะของที่มาคือ 1.ทาสสินไถ่ (สินไถ่เฉยๆ นะครับ ผมไม่พิมพ์ตกแม้แต่คำเดียว) 2.ทาสในเรือนเบี้ย 3.ทาสที่มาด้วยมรดก 5.ทาสท่านให้ 6.ทาสที่ช่วยไว้จากทัณฑ์โทษ 7.ทาสเชลย

 ในหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาสมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2411 ถึงวันนี้ก็ 142 ปีแล้ว แต่สังคมไทยก็ยังมีคน ที่ต้องลักษณะทาสทั้ง 7 อยู่อีกไม่น้อยเลย... คุณว่างั้นมั้ย ?

คลี่ข่าวคลายปม
ภาณุมาศ ทักษณา