ข่าว

ชาวชีท่าวังเวินเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่

ชาวชีท่าวังเวินเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่

22 ต.ค. 2553

ชาวบ้านชีท่าวังเวิน หมู่บ้านน้ำท่วมซ้ำซากแห่งเมืองขอนแก่น เตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่ หลังน้ำทะลักจากแม่น้ำชีที่ชัยภูมิ เตรียมไหลล้นเข้าหมู่บ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมง มิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังปริมาณน้ำ 24 ชั่วโมง คาดคืน 23-24 ต.ค.นี้คงไม่มีใครกล้าหลับ น้ำมูลหนุน

(22ต.ค.) นายบุญแถม สิงทุม วัย 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านชีท่าวังเวินหมู่ 2 ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมหมู่บ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ว่า หมู่บ้านแห่งนี้มีทั้งหมด 46 หลังคาเรือน มีประชากร 232 คน ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่จะต้องถูกปิดตายเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน  2-3 เดือน ที่ผ่านมาชาวบ้านต้องใช้เรือแทนการใช้รถยนต์ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ใครจะไปจะมาต้องนั่งเรืออย่างเดียว

 " ที่ผ่านมาทุกปีชาวบ้านถูกน้ำท่วมตลอด โดยเฉพาะในปี 2551 เกือบตายยกหมู่บ้าน เพราะน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ปี 2552 ที่ผ่านมาได้หารือกันและตั้งมิสเตอร์เตือนภัยขึ้น เพื่อเฝ้าระวังปริมาณน้ำ โดยใช้เสาวัดระดับน้ำเป็นตัวชี้วัดว่า น้ำมากน้ำน้อย "นายบุญแถม กล่าวและว่า

 โดยปีนี้ ในวันนี้ (22 ต.ค.)ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3 ซม.แต่ยังไม่ถือว่าวิกฤติและน่ากลัวมาก เพราะตนได้ประสานกับทางจังหวัดชัยภูมิตลอดว่าน้ำมาถึงไหนแล้วเพื่อจะได้เฝ้าระวังและแจ้งเตือนให้ลูกบ้านได้รับรู้ โดยคาดว่าในคืนวันที่ 23 ต.ค.นี้น้ำจะมาทั้งหมด และ คงเป็นคืนที่ไม่ได้นอนแน่ เพราะหากน้ำเกินปริมาณที่กำหนดไว้ เสาวัดน้ำที่วัดมีน้ำท่วมเพิ่มสูงก็คงจะต้องแจ้งเตือนสมาชิกอพยพข้าวของไปอยู่ที่สูงเพื่อความปลอดภัย

 ซึ่งล่าสุดชาวบ้านได้เคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่สำคัญ และราคาแพงไปไว้ที่สูงเพื่อป้องกันน้ำท่วมแล้ว และคาดว่าคืนวันที่ 24 ต.ค.นี้คงเป็นคืนที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไม่กล้านอนแน่เพราะคงจะต้องพร้อมเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว

 นายบุญแถม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หมู่บ้านชีท่าวังเวิน เป็นหมู่บ้านแรกที่อยู่ติดกับเขต อ.คอนสวรรค์ของจ.ชัยภูมิ และอยู่ติดแม่น้ำชี ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ถูกตัดขาดจากภายนอก เพราะเมื่อถึงฤดูฝน น้ำจะท่วมหมู่บ้านจนเหลือเป็นเกาะกลางน้ำ ต้องเดินทางโดยทางเรือเท่านั้น

น้ำมูลหนุนสูงเริ่มท่วมไร่นาชาวสุรินทร์เร่งเกี่ยวหนีน้ำ

  สถานการณ์น้ำในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะในแม่น้ำมูล ซึ่งรองรับน้ำจากจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้แม่น้ำมูลมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณวังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำจากแม่น้ำชีไหลมาประจบแม่น้ำมูล ที่บ้านตากลาง ต. กระโพ อ.ท่าตูม จ. สุรินทร์ โดยระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นและมาติดคันกั้นน้ำแล้ว และคาดว่าจะมีประมาณน้ำจำนวนมากไหลลงมาสมทบจากจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ทางจังหวัดสุรินทร์ ได้มีการกำชับและให้ทางอำเภอเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และ ประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำมูลให้ทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยอำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม และ อำเภอรัตนบุรี

 โดยขณะนี้มีพื้นที่ไร่นาของชาวบ้านบางแห่งถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมแล้วกว่า 100 ไร่ โดยเฉพาะพื้นที่นาของชาวบ้านโนน พยอม หมู่ที่ 18 ต. กระโพ อ. ท่าตูม จ. สุรินทร์ ซึ่งเป็นนาลุ่มและติดกับแม่น้ำมูล  ส่วนชาวนาที่มีนาอยู่ใกล้จุดเสี่ยงต่างวิตกเป็นอย่างมาก หากน้ำจากจังหวัดนครราชสีมาไหลลงมา จะเกิดน้ำท่วมต้นข้าวที่กำลังจะสุกอย่างแน่นอน ในขณะที่เกษตรกรบางรายจำต้องเร่งเกี่ยวข้าวทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเกี่ยว เพื่อหนีน้ำ

         เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสำรวจอุทกภัย จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางมาทำการตรวจสอบระดับน้ำในลำน้ำมูลพื้นที่ของอำเภอชุมพลบุรี ชาวนาลงไปเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิหนีน้ำ แล้วนำมาตากแห้ง ส่วนนายอำเภอเป็นห่วงใน 8 ตำบล ที่ตั้งอยู่ริมมูล พร้อมให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

           น้ำในลำน้ำมูลเริ่มเอ่อไหลเข้าไร่นาเกษตรกร ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสำรวจอุทกภัย จังหวัดอุบลราชธานีได้เดินทางมาสำรวจระดับน้ำในลำน้ำมูล ในพื้นที่ของอำเภอชุมพลบุรี ปรากฏว่า ปริมาณน้ำจะขึ้น 07.58 เซนต์ ต่อวินาที และพรุ่งนี้คาดว่าน้ำจะขึ้น ประมาณ 25 เซนติเมตร

         ปริมาณน้ำเอ่อล้นเข้าไร่นาในครั้งนี้ ทำให้เกษตรชาวนาบางพื้นที่ ของบางตำบล ที่มีน้ำเข้ามาประมาณ 1 เมตร ต่างก็ออกมาเกี่ยวข้าวหนีน้ำ เพื่อนำไปตากแห้ง จะได้มากหรือน้อย ทุกคนบอกว่า ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

         นายนครินทร์ กองทุน นายอำเภอชุมพลบุรี กล่าวว่า ทางอำเภอเป็นห่วง 8 ตำบลที่อาศัยอยู่ริมน้ำมูล ซึ่งทางอำเภอได้เรียกให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบให้คอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ ทางอำเภอได้เตรียมพร้อมทุกอย่างคอยรับมือพร้อมเรือท้องแบน 3 ลำ พร้อมถุงยังชีพ ไว้ให้การช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว

ปภ.เขต10ส่งชุดปฎิบัติการฉุกเฉินช่วยอ.บ้านโฮ่ง -ลี้

 นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง  เปิดเผยว่า  หลังแม่น้ำลี้ที่ไหลผ่าน อ.ลี้ และ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ล้นฝั่งไหลเข้าท่วมบริเวณที่ลุ่มต่ำ บ้านเกาะทุ่งม่าน บ้านดอยก้อม บ้านดงฤาษี บ้านสบล้อง บ้านหม้อ และ บ้านโฮ่ง นับเป็นอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ แต่ครั้งนี้สถานการณ์ไม่รุนแรงเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา เพราะหน่วยงานในพื้นที่และประชาชนมีประสบการณ์จึงเตรียมความพร้อมขนย้ายสิ่งของและอพยพไปอยู่ที่สูงล่วงหน้า

 ทั้งนี้ ปภ.เขต 10 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการฉุกเฉินลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ( 22 ต.ค.) พร้อมนำเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ ไปช่วยเรือประชาชนที่อ.บ้านโฮ่ง และอ.ลี้รวมกับหน่วยงานในพื้นที่และจังหวัดลำพูนเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นช่วยอพยพประชาชนที่ติดค้างอยู่ตามบ้านเรือนที่น้ำท่วมสูง

 นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือส่วนใหญ่จะลดระดับลงอย่างรวดเร็วไม่ท่วมขังนานเหมือนในภาคกลางและภาคอีสาน เพราะลักษณะพื้นที่เป็นที่สูง และอุทกภัยที่เกิดมาจากน้ำป่าที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำจึงลดระดับลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสิ่งสาธารณะประโยชน์ เช่นถนน สะพาน และบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร