ข่าว

จำคุกผู้จ้างวานลอบสังหารองคมนตรี25ปี

จำคุกผู้จ้างวานลอบสังหารองคมนตรี25ปี

20 ต.ค. 2553

ศาลสมุทรปราการอ่านคำพิพากษาคดีลอบสังหารองคมนตรี สั่งจำคุกผู้จ้างวาน 25 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 16 ปี 8 เดือน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2553 ที่ห้องพิจารณาที่ 6 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลได้มีคำสั่งเบิกตัว นายภานุพงศ์ รัตนาไพบูลย์ จำเลยที่ 1 นายศักดิ์ชาย แซ่ลิ้ม จำเลยที่ 2  นายคมิก สุขภาญจนากาศ จำเลยที่ 3  พ.ต.เทียนชัย เมืองจันทึก จำเลยที่ 4  นายสุชาติ ทรัพย์มณี จำเลยที่ 5  และ พ.จ.อ.สุกกรีย์ ขาวผ่อง จำเลยที่ 6  ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันจ้างวานลอบสังหาร นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม หรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามเลขคดีที่ อ. 2819 / 52 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2552 โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางมาที่ศาลอาญาจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองสมุทรปราการ กว่า 50 นาย พร้อมอาวุธปืนยาวและเสื้อเกาะกันกระสุนคอยควบคุมมาตลอดทาง เมื่อเดินทางมาถึงเจ้าหน้าที่ศาลได้รีบนำเข้าห้องควบคุมก่อนเบิกตัวขึ้นฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ชั้น 3 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยศาลได้นั่งบัลลังอ่านคำพิพากษานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

 โดยศาลคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ 1 คือ นายภานุพงศ์ รัตนาไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปดูลาดเลาที่บ้านพักองค์มนตรี ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง มีโทษจำคุก 1 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกเพียง 8 เดือน ส่วนข้อหา ตระเตรียมเพื่อดำเนินการฆ่าผู้เสียหาย นั้นศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ายังกระทำมิสำเร็จ

 ส่วนข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะนั้นศาลเห็นว่าในขณะเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 และ 2 มิได้มีการพกพากอาวุธแต่อย่างใด เพียงเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในห้องพักของจำเลยที่ 1 และพบอาวุธปืนดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 3-6 คือนาย คมิก สุขภาญจนากาศ - พ.ต.เทียนชัย เมืองจันทึก  นายสุชาติ ทรัพย์มณี  และ พ.จ.อ.สุกกรีย์ ขาวผ่อง จำเลยที่ 6  ซึ่งเป็นผู้จ้างวานให้จำเลยที่ 1 และ 2 คือ นายภานุพงศ์ รัตนาไพบูลย์ จำเลยที่ 1  นายศักดิ์ชาย แซ่ลิ้ม จำเลยที่ 2 ไปลงมือลอบสังหารนายชาญชัย ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นระยะเวลา 25 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 16 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นศาลได้มีคำสั่งให้ยกฟ้อง เนื่องจากขณะเข้าจับกุมจำเลยที่ 2 มิได้มีการพกพาอาวุธแต่อย่างใด โดยได้มีทนายของโจทย์เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษาด้วย