
จับมาเฟียรัสเซียรีดค่าไถ่เพื่อนร่วมชาติ
รองผู้การฯชลฯนำทีมล่า 2 หนุ่มรัสเซียแก๊งมาเฟียข้ามชาติอุ้มนักธุรกิจร่วมชาติเรียกค่าไถ่ หลังขับรถตระเวนกดเงินเหยื่อตามตู้เอทีเอ็ม ทิ้งรถวิ่งหนีเข้าป่ายิงสู้ เจอยิงเจ็บ ก่อนคุมตัวไปเค้นสอบเพื่อช่วยเหยื่อที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
(20ต.ค.) เวลา 01.00 น. พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก.สภ.พัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย ร่วมกันเข้าจับกุมตัว แก๊งมาเฟียข้ามชาติ จำนวน 2 คน ซึ่งก่อเหตุอุ้มนักธุรกิจชาติเดียวกันไปกักขังตัวไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ โดยแก๊งมาเฟียได้จับกุมตัวเหยื่อขังไว้ แล้วนำบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อซึ่งข่มขู่เอารหัสบัตรเรียบร้อยแล้วนำไปตระเวนกดถอนเงิน ตามตู้เอทีเอ็ม สาขาต่างๆในเมืองพัทยา ได้เงินสดไปหลายแสนบาท โดยตำรวจทราบว่าแก๊งมาเฟียจะตระเวนออกกดถอนเงินจากตู่เอทีเอ็มในพื้นที่ อ.บางละมุง จนกระทั่งพบ แก๊งมาเฟีย เป็นชายชาวรัสเซีย จำนวน 2 คน (ตำรวจยังไม่เปิดชื่อ) ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้ารุ่น เฟอร์จูนเนอร์ สีดำหมายเลขทะเบียน กธ 3906 ขอนแก่น วนเวียนหากดถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม ริมถนนสุขุมวิทใกล้เคียง กับ วัดทุ่งกราด ม.8 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จึงนำกำลังเข้าจับกุมทันทีแต่คนร้ายทั้ง 2 คนทิ้งรถแล้วพากันวิ่งข้ามถนนหลบหนีเข้าป่า พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ติดตัวไปด้วยเพื่อเตรียมต่อสู้กับตำรวจ โดยกำลังตำรวจจึงปิดล้อมบริเวณป่าริมถนนใช้เวลาประมาณ 10 นาที ตำรวจก็ติดตามจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ทั้ง 2 คน โดยระหว่างจับกุมตัวนั้น ผู้ต้องหา 1 คนขัดขืนต่อสู้ จับกุมตัวถูกตำรวจใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ร่างกาย ที่แขนขวา และท่อนขาด้านบน รวม 2 นัดไดรับบาดเจ็บเล็กน้อย พร้อมยึดอาวุธปืนของคนร้ายยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ สีดำ ขนาด 9 มม. ได้ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และตรวจค้นในรถก็พบ เครื่องพันทานาการ ที่ไว้ใช้สำหรับทรมานเหยื่อซุกซ่อนอยู่ในรถ รวมทั้งน้ำมันเบนซิล และเครื่องมือขุดดิน
จากนั้นตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาสอบสวนที่โรงพักทันที โดยสอบสวนอย่างเคร่งเครียดโดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้ต้องหาแต่อย่างใด โดยตำรวจได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่า ญาติของเหยื่อเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา (สาขาย่อยโค้งดงตาล) วันที่ 14 ต.ค.53 ที่ผ่านมาเพื่อ ให้ช่วยติดตามหาตัวเหยื่อ ซึ่งถูกแก๊งมาเฟียชาวรัสเซีย อุ้มลักพาตัวไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ โดยคนร้ายได้นำบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อไปตระเวนกดถอนเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของเหยื่อชาวรัสเซียรายนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องขอเวลาในการรีดข้อมูลจากผู้ต้องหาทั้ง2คนโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้ทราบว่าผู้ต้องหากักขังเหยื่อไว้ที่ใด เพื่อจะได้เร่งช่วยเหลือเหยื่อได้ทันการ และคาดว่าน่าจะเป็นแก๊งมาเฟียรายใหญ่มีเพื่อนร่วมแก๊งที่หลงเหลืออีกอย่างแน่นอน ซึ่งหากคดีคลี่คายจะได้เปิดเผยข้อมูลให้ทราบโดยทันที แต่ตอนนี้ต้องเร่งทำการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาเพื่อช่วยเหลือเหยื่อเสียก่อน