
ร้อยโทชัยโรจน์ บุญบันดาล วีรบุรุษ 2519
ร้อย ร.ที่ 2 22 พ.ย.18 กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ
ผมมีเรื่องกังวลใจอยู่เรื่องหนึ่งครับคุณพ่อ ถ้าไม่เขียนจดหมายมาเรียนให้คุณพ่อทราบแล้วไม่สบายใจ คือว่าพี่ชูศักดิ์เขียนจดหมายมาถึงผมว่า คุณพ่อจะจัดการให้ผมย้ายเข้ากรุงเทพฯ เรื่องนี้ทำให้ผมลำบากใจมากครับ ผมอยากจะอยู่ที่ชุมพรอีกสัก 2 ปี และไม่อยากย้ายกลางปี เพราะผมอยู่ที่นี่ ผู้บังคับบัญชาเริ่มจะไว้ใจผม และผู้ใต้บังคับบัญชาก็เคารพนับถือและเชื่อฟังผมแล้วครับ ถ้าย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ก็แย่ ต้องไปปรับตัวใหม่อีก และผมไม่อยากเข้ากรุงเทพฯ ผมว่าจะอยู่ที่ไหนมันก็ต้องรบเหมือนกันทั้งนั้น ต้องออกฐานปฏิบัติการทุกที่ ประการสำคัญที่สุดคือผมต้องการหาประสบการณ์ในต่างจังหวัดอีก 2-3 ปี ก่อนจะเข้ากรุงเทพฯ
เหตุผลของผมคือ ผมต้องการยืนบนขาของผมเอง ต้องการเผชิญอุปสรรคต่างๆ และแก้ไขอุปสรรคด้วยตนเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการเป็นผู้นำ ผมเป็นลูกของคุณพ่อ เป็นชาติทหารคนหนึ่ง เป็นผู้สืบสกุลทางทหารของคุณพ่อและเป็นลูกผู้ชาย ผมต้องการชีวิตที่เข้มข้นบ้างครับ อย่างที่ผมเคยเรียนให้คุณพ่อทราบแล้วว่าผมระวังตัวและรอบคอบอยู่เสมอ คุณพ่อไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้นครับ และที่นี่ก็ไม่อันตรายจนเกินกว่าลูกของคุณพ่อจะอยู่ไม่ได้
มีคนพูดอยู่เสมอว่าขึ้นชื่อว่า “ลูกนายพล” อยู่ไม่ทนต้องย้ายเข้ากรุงเทพฯ ต้องอาศัยเส้น ต้องเบ่งและใช้อิทธิพลของพ่อ ผมไม่อยากให้ใครตราหน้าผมตามที่เขาเข้าใจในวลีของคำว่า “ลูกนายพล” ครับ
ผู้บังคับบัญชาของผม พ.ท.สมเจตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ เคยชมผมว่า ผมไม่เหมือนลูกนายพลทั่วไป ซึ่งผมภูมิใจมากที่ได้รับฟังเช่นนั้น ซึ่งแสดงว่าคุณพ่อไม่เคยเลยที่จะสนับสนุนผมในทางที่ผิด ผมเคารพและเป็นพระคุณอย่างสูงมากที่คุณพ่อไม่เคยที่จะใช้อำนาจของคุณพ่อสนับสนุนผมเลย ทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง และต่อสู้เพื่อตัวเองอย่างแท้จริง ผมคิดเสมอว่าผมเป็นสามัญชนธรรมดา ไม่เคยเบ่ง และไม่เคยใช้อำนาจของคุณพ่อต่อคนอื่นๆ ใดทั้งสิ้น ซึ่งผมก็เป็นสามัญชนคนธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่ “ลูกเทวดา” อย่างที่คนอื่นเข้าใจกัน แต่เผอิญโชคดีที่เกิดมามีพ่อเป็นนายพลเท่านั้นครับ ฯลฯ
รักและเคารพอย่างสูง
เอิ๊ก
นามจริงของเจ้าของจดหมายฉบับนี้คือร้อยโทชัยโรจน์ บุญบันดาล นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 11 ได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2518 แล้วไปรับราชการที่ค่ายกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร ต่อมาได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมวดปราบปราบ ผกค.ในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร จนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2519 ได้นำกำลังไปให้การช่วยเหลือคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งถูกผู้ก่อการร้ายซุ่มโจมตี
“ร้อยโทชัยโรจน์ขึ้นรถสายพานคันหน้า สั่งให้พลทหารเข้าไปอยู่ในรถให้หมด ส่วนตัวเองและ ส.อ.สมบูรณ์ ฉิมวารีย์ อยู่บนหลังคารถเพียงสองคน รถวิ่งไปตามเส้นทางด้วยความเร็ว 35 ไมล์/ชม.ได้ระยะทางประมาณ 2,000 เมตร ถึงบริเวณซึ่งเป็นที่กว้างขวาง โล่งแจ้ง เพราะเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้างถนนสายเอเชีย ถัดจากบริเวณนั้น ผ่าน ร.ร.บ้านห้วงยูงงามไปประมาณ 100 เมตร
เมื่อรถสายพานผ่านป่าไม้ทึบได้ 20 เมตร ตรงกับมูลดินที่ถูกรถไถเอาไว้ ก็ถูกซุ่มโจมตีอย่างทารุณ ร้อยโทชัยโรจน์จึงสั่งให้ดำเนินกลยุทธ์ กำลังทั้งหมดจึงทำการยิงต่อสู้ เมื่อสิ้นเสียงปืนปรากฏว่า ร้อยโทชัยโรจน์ ถูกยิงที่ศีรษะด้านข้าง ทะลุหมวกเหล็ก เสียชีวิตทันที กำลังนอกนั้นบาดเจ็บ 4 นาย”
เขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 24 ปี 10 เดือน 20 วัน
“...เมื่อมากรุงเทพฯ คราวที่แล้วกลับไปได้ซื้อรถคันเล็กๆ หลายคันไปฝากเด็กผู้ชายและเคยพูดว่ามาคราวหน้าจะซื้อตุ๊กตาไปฝากเด็กหญิงบ้าง น้ำใจประเสริฐหาใครที่ไหนเหมือนไม่ได้อีกแล้ว คิดว่าบ้านน้ำพุจะหาคนดีอย่างนี้ไม่มีหรอก ขาดน้องชัยโรจน์เหมือนครอบครัวที่ขาดพ่อ"
สาคร อติชาต ชาวบ้านตำบลน้ำพุ
(ข้อมูลจากหนังสือในงานพระราชทานเพลิงศพ ร้อยโทชัยโรจน์ บุญบันดาล ขอขอบคุณ)
บัญชร ชวาลศิลป์