ข่าว

อันตรายท้ายปีทัพนักรบดำชักแถวป่วนเมือง

อันตรายท้ายปีทัพนักรบดำชักแถวป่วนเมือง

07 ต.ค. 2553

"กลุ่มคนที่ออกมาปฏิบัติการในครั้งนี้คือ 'นักรบชายชุดดำ' ที่คาดว่าจะมีอยู่ 64 คน ผ่านการฝึกยุทธวิธีจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาแฝงตัวในพื้นที่ กทม.40 คน อีก 24 คน อยู่ในพื้นที่ 'แดง' ในภาคอีสาน"

เสียงตูมสนั่นที่เกิดขึ้นที่อาคาร “สมานเมตตาแมนชั่น” ที่ตั้งอยู่ภายในซอยหมู่บ้านทิพย์สุวรรณ หมู่ 6 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันทีถึง 4 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับสิบราย โดยสาเหตุเกิดจากความผิดพลาดในการประกอบ “ระเบิด” เพื่อใช้สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล

 แผนปฏิบัติการ “ป่วนเมือง” ที่ผุดขึ้นมาปฏิบัติการครั้งนี้ ได้มีการ “ล็อก” เป้าหมายหลักอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากต้องการ “ดิสเครดิต” รัฐบาล และกองทัพ

 กลุ่มคนที่ออกมาปฏิบัติการในครั้งนี้คือ “นักรบชายชุดดำ” ที่คาดว่าจะมีอยู่ 64 คน ผ่านการฝึกยุทธวิธีจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาแฝงตัวในพื้นที่ กทม.40 คน อีก 24 คน อยู่ในพื้นที่ "แดง" ในภาคอีสาน

 ปฏิบัติการเริ่มจากนำรถกระบะมาสวมป้ายทะเบียน “ปลอม” โดยใช้ป้ายทะเบียนจาก จ.นราธิวาส เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

 จากการแกะรอยเบื้องต้นทราบชื่อ “สมภพ” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “นักรบชายชุดดำ” เป็นผู้ขับรถกระบะ มาพร้อมอีก 2 คน และบรรทุกระเบิดมาจากสถานที่พักอาวุธสงครามในพื้นที่ “แหลมฉบัง” จ.ชลบุรี

 สายข่าวพยายามตามตัว “สมภพ” ที่หลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เพื่อรอจังหวะในการก่อเหตุอีกครั้ง

 จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เตรียมที่จะก่อเหตุอีกครั้งใหญ่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี

 กลุ่มคนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คือ ที่หน้าโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ที่ลานจอดรถกระทรวงสาธารณสุข 2 ครั้ง และที่ลานจอดรถห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

 โดยมีการทยอยขนมาหลายครั้งจนได้ “ทีเอ็นที” ครบ 10 กิโลกรัม พร้อมกับสารประกอบวัตถุระเบิดต่างๆ โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย ที่ถูกนำมาประกอบในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับให้ นายสมัย วงศ์สุวรรณ เป็นตัวเดินเรื่อง ด้วยการมาเช่าสมานเมตตาแมนชั่น เป็นสถานที่ประกอบวัตถุระเบิด เพื่อใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่ จ.นนทบุรี แต่ก็ดันมาเกิดระเบิดเสียก่อน

 จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก ถังดับเพลิง และถังน้ำยาแอร์รวมแล้วถึง 5 ถัง จากการตรวจสอบถังน้ำยาแอร์พบว่าใบหนึ่งบรรจุปุ๋ยยูเรีย อยู่เกือบเต็มถังตกอยู่บริเวณนอกอาคารที่เกิดเหตุ

 นอกจากนี้ ยังพบน้ำมันดีเซล บรรจุอยู่ในแกลลอน 2 ถัง รวมทั้งเศษเหล็กหัวนอตขนาดต่างๆ ขดทองเหลือง ตกอยู่บริเวณรอบสถานที่เกิดเหตุ

 ทั้งหมดที่ว่านี้คือ ส่วนประกอบระเบิดที่ทำให้เกิดแรงอัด และสะเก็ดระเบิดที่รัศมีทำลายล้างไม่ต่ำกว่า 20 เมตร

 ส่วนระเบิดที่ระเบิดไปแล้วอานุภาพที่รุนแรงนั้นมาจากยูเรีย 2 ถัง ที่แตกเป็นเสี่ยงในที่เกิดเหตุ ซึ่งแค่นั้นก็มากพอที่จะทำลายล้างอาคารแมนชั่นถึง 6 ห้อง จนเป็นไปได้ว่าแมนชั่นทั้งหลังนี้อาจจะต้องถูกทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่

 จากการตรวจสอบซิมโทรศัพท์มือถือของนายสมัย มีการติดต่อกับคนสนิทของนักการเมืองอักษร “พ” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทุ่มงบประมาณจัดหาอาวุธสงคราม และสารตั้งต้นที่นำมาประกอบ “ระเบิด” ซึ่งทางการข่าวระบุว่า น่าจะสั่งซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

 โดยอาวุธสงครามที่มีการสั่งซื้อมาส่วนใหญ่จะมีอยู่ในคลังแสงของกองทัพเพื่อรอการทำลาย ไม่ว่าจะเป็นจรวด “อาร์พีจี”  “เอ็ม 79”  “เอ็ม 67” ที่แพร่ระบาดอยู่ ณ เวลานี้ โดยขบวนการนี้นำอาวุธสงครามที่ว่ามาพักไว้ในพื้นที่ “แหลมฉบัง” จ.ชลบุรี

 การปฏิบัติการแต่ละครั้งจะใช้คนครั้งละ 4-5 คน โดย 1 คนจะได้รับค่าจ้างตอบแทน 3-5 แสนบาทต่อครั้ง พร้อมกับมีเงินเดือนอีกประมาณ 7,000-8,000 บาท พร้อมกับค่าเบี้ยเลี้ยงสัปดาห์ละ 700-1,000 บาท

 เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงวิเคราะห์สาเหตุของการระเบิดว่า น่าจะเกิดการระเบิดขณะต่อวงจรเพื่อประกอบระเบิดมากกว่า เชื่อว่าผู้ที่ประกอบระเบิดไม่ได้ติดตั้ง "เซฟตี้สวิตช์" เพื่อป้องกันการจุดระเบิดขณะต่อวงจรจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

 "ผมเชื่อว่า คนที่ประกอบระเบิดไม่น่าจะใช่ระดับมืออาชีพ หรือคนมีสี แต่คงพอมีความรู้เรื่องระบบไฟฟ้า หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้าง และที่มองว่า เป็นมือระเบิดจากภาคใต้ก็ไม่น่าจะใช่ด้วย เพราะปกติกลุ่มที่มาจากภาคใต้จะติดตั้งเซฟตี้สวิตช์ไว้ถึง 2 ชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ต่อครบวงจร หรือทำให้เกิดการระเบิดก่อนเวลา" ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมวิเคราะห์

 เขายังชี้ให้เห็นถึงข้อพิรุธที่ทำให้เชื่อได้ว่า กลุ่มที่มาจากภาคใต้ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยก็คือ การประกอบวัตถุระเบิด ในหลายกรณีก่อนหน้านี้ เช่น ที่หน้า ร.ร.สันติราษฎร์วิทยาลัย ในกระทรวงสาธารณสุข และลานจอดรถห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งแม้จะมีการนำเอาดินระเบิดยัดใส่ถังดับเพลิงเพื่อให้ดูเหมือนการก่อเหตุจากทางใต้ แต่รายละเอียดบางอย่างกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น การนำเอาตะปู หรือหัวนอตมาพันรอบถังดับเพลิงเพื่อทำเป็นสะเก็ด แต่ภาคใต้จะใช้วิธีผสมเข้าไปในดินระเบิดเลย ซึ่งจะทำให้มีอานุภาพร้ายแรงกว่า

 เมื่อวิเคราะห์จากพฤติกรรมการลงมือที่ผ่านมาแล้ว กลุ่มที่ลงมือน่าจะจงใจ "เลียนแบบ" การก่อเหตุจากภาคใต้เพื่อให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวมากกว่า ทั้งที่จุดประสงค์จริงๆ เป็นการก่อเหตุเพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งน่าห่วง เพราะมีการใช้ดินระเบิดที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง หากนำไปใช้ในการก่อวินาศกรรมจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างร้ายแรงต่ออาคารสถานที่และชีวิตของผู้คนจำนวนมาก

 เหตุระเบิดครั้งนี้ การข่าวของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า นี่เป็นเหตุแรกที่น่าห่วงหากคุมไม่ได้ ก็จะทยอยเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ไปจนกว่าจนพ้นปีนี้

ทีมข่าวความมั่นคง